ลดน้ำหนักด้วยกับนับแคลอรี่ วิธีนี้ล้าสมัย และเสี่ยงต่อสุขภาพไหม

การลดความอ้วนเพื่อมีรูปร่างที่ดียิ่งขึ้นยอดเยี่ยมในประณิธานปีใหม่ยอดนิยมเยอะที่สุด เพื่อประสบความสำเร็จนั้น พวกเราชอบหันมาใช้แนวทางควบคุมเรื่องของการรับประทานอาหารแล้วก็เพิ่มการบริหารร่างกาย
ลดน้ำหนักด้วยกับนับแคลอรี่

ข่าว เนื่องมาจากพลังงานที่มีอยู่ในของกินวัดเป็นแคลอรี เราคนไม่ใช่น้อยมีความคิดว่าหากพวกเรานับและก็ลดจำนวนแคลอรี่ ที่บริโภคเข้าไป พวกเราจะสำเร็จตามเป้าหมายการลดหุ่น แม้กระนั้นโน่นเป็นแถวทางที่ถูกหรือถึงเวลาที่จะต้องคิดใหม่ ศ.จ.นิโคลัส เคเมนต์นิยามแคลอรี่ว่าเป็นจำนวนความร้อนที่ใช้สำหรับทำให้ดีเยี่ยมลิตรมีอุณหภูมิสูงมากขึ้นถึง องศาเซลเซียสที่ระดับน้ำทะเล” ดร. ไจล์ส โยว ศ.จ.ด้านอณูประสาทต่อมไร้ท่อ ข่าวอาหาร ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์กล่าวกับสถานีวิทยุกระจายเสียงบีบีซีนักวิทยาศาสตร์ชาวประเทศฝรั่งเศสผู้นี้เป็นคนแรกที่ใช้คำนี้สำหรับในการอธิบายเกี่ยวกับเครื่องจักรให้ความร้อนเมื่อต้นศตวรรษที่ 19 โดยเหตุนี้คำนิยามในพจนานุกรมของวันนี้ที่บอกว่าแคลอรี่เท่ากันกับพลังงานความร้อนที่ต้องสำหรับในการเพิ่มความร้อนของน้ำ กก.ขึ้น องศาเซลเซียส และก็พอๆกับหนึ่งพันแคลอรี่ หรือ หนึ่งกิโลแคลอรี

แนะนำข่าวอาหาร อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : เช็กลิสต์ ‘อาหารดับร้อน’ ตามศาสตร์แพทย์แผนไทยประยุกต์ และแพทย์แผนจีน

เช็กลิสต์ ‘อาหารดับร้อน’ ตามศาสตร์แพทย์แผนไทยประยุกต์ และแพทย์แผนจีน

อากาศที่ร้อนมาก บางทีอาจมีผลต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น โรคลมแดด (Heat Stroke) 

เช็กลิสต์ 'อาหารดับร้อน' ตามศาสตร์แพทย์แผนไทย

ข่าว สภาวะเครียดไม่สบายใจ และก็อาการต่างๆตามมา ดังนี้ ในศาสตร์หมอแผนไทยปรับใช้ และก็ หมอแผนจีน เสนอแนะของกินดับร้อน ซึ่งสามารถหาทานได้ง่ายในชีวิตประจำวัน ฤดูร้อน ที่อุที่ภูเขาไม่ของเมืองไทยสูงมากขึ้นกว่า 40 องศา นำมาซึ่งการทำให้ร่างกายของผู้คนร้อนจัดกว่าธรรมดา รวมทั้งอาจจะทำให้เกิดภาวะต่างๆตามมา การดูแลรักษาอุที่ภูเขาไม่ร่างกายโน่น พบว่า ในศาสตร์ของหมอแผนไทยปรับใช้ และก็ หมอแผนจีน มีของกินฤทธิ์เย็น ที่ช่วยดับร้อนได้ในระยะนี้ พื้นที่เปรียญภัคภร บูรณสงบฉันล ประจำวิวัฏฏะสถานพยาบาล โรงหมอพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ในเครือพริ้นสิเพิล เฮลท์สนใจ ได้แบ่งปันวิชาความรู้ และก็ขั้นตอนการดูแลรักษาสุขภาพร่างกายในฤดูร้อนด้วยตัวเองตามหลักของศาสตร์การแพทย์แผนไทยปรับใช้ โดยชี้แจงว่า ข่าวอาหารความร้อนที่สะสมในร่างกายอาจจะก่อให้กำเนิดความไม่สบาย ป่วยเนื้อสบายตัว อาทิเช่น ปวดหัว หน้ามืด อ่อนแรง หน้ามืด เจ็บในโพรงปากและก็คอ เจอแผลร้อนในโพรงปาก กำเนิดท้องผูก ถ่ายทุกข์ยากลำบาก ทำให้ผิวพรรณแห้งกระด้างไม่แจ่มใส กำเนิดสิวอักเสบขึ้นตามบริเวณใบหน้า หรือกำเนิดฝีอักเสบตามลำตัวได้

แนะนำข่าวอาหาร อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย :  รีบหาต้นสายปลายเหตุ ผู้ต้องขังเสียชีวิต 4 คน อาจจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะอาหาร

รีบหาต้นสายปลายเหตุ ผู้ต้องขังเสียชีวิต 4 คน อาจจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะอาหาร

กรมราชทัณฑ์ สั่งสอบเงื่อนผู้ต้องขังคุกพิษณุโลกเสียชีวิตด้วยโรคเกี่ยวโยงจากของกิน ราย

ผู้ต้องขังเสียชีวิตต่อเนื่อง 4 คน อาจเกิดจากคุณภาพอาหาร

ข่าว พันตำรวจเอกที่รัชต์ สีขาวนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยความก้าวหน้ากรณี เจอมีผู้ต้องขังเจ็บป่วยเสียชีวิต ในตอนปีใหม่ 2563 ไล่เลี่ยกันถึง ราย ในคุกจังหวัดพิษณุโลก ว่า วันนี้ กรมราชทัณฑ์ ได้ส่งผู้อำนวยการกองบริการด้านการแพทย์และก็ได้รับความช่วยเหลือเกื้อกูลจากผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ด้วยกันลงพื้นที่ไปวิเคราะห์ต้นสายปลายเหตุที่โรงหมอวังทองคำ จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งจากข้อมูลพื้นฐานรู้ว่า ผู้ต้องขัง ทั้งยัง ราย บางทีอาจเสียชีวิตด้วยโรคที่เกี่ยวโยงกับของกิน โดยมีลักษณะแขนขาชา อ่อนเพลียด้วยภาวการณ์โพแทสเซียมต่ำ พื้นฐาน ทางกรมราชทัณฑ์ ได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อสรุป โดยมี พันตรีเมืองกฤษณ์ ใจจริง หัวหน้าคนตรวจราชการกรม ข่าวอาหาร เป็นประธาน คาดว่า เมื่อผลของการชันสูตรวินิจฉัยศพคนเสียชีวิตอีกทั้ง รายออกมาแล้ว อาจจะสรุปผลการตรวจทานความเป็นจริงเสนอได้ว่ามีจุดบกพร่องหรือข้อผิดพลาดในขั้นตอนการจัดซื้อรวมทั้งตรวจทานของกินดิบไหม แล้วต่อจากนั้น จำเป็นต้องไปดูประสิทธิภาพของของกิน และก็กรรมวิธีจัดซื้อจัดจ้างรวมทั้งการตรวจทานของกินดิบของคุกจังหวัดพิษณุโลก ว่าถูกครบถ้วนบริบูรณ์ โปร่งใส และก็มีคุณภาพดีตามสเปคไหม โดยปีนี้ได้ใช้แนวทางการคัดตามกฎกระทรวงการเงิน ก็เลยไม่น่าจะมีหัวข้อการส่งของกินไม่มีคุณภาพให้คุก

ของกินเล่นพันธุ์ใหม่ขายดี! สายเฮลตี้เลิฟ “อัญชันอบกรอบปรุงรส” เพิ่มมูลค่าดอกไม้กินได้

“รสสัมผัสแรกเลยคือ อารมณ์กินปลากรอบ หอม! และมีรสต่าง ๆ ให้เลือกได้ ต้มยำ สาหร่าย บาร์บีคิว และธรรมชาติ เป็นของกินเล่นกรอบ ๆ

อาหาร เพลินหรือปรุงเมนูยำก็อร่อยอีกแบบ ซึ่งเวลาไปออกบูธที่กรุงเทพฯ จะได้รับความสนใจ ขายดี สายเฮลตี้ชอบมาก” จากดอกอัญชันเกษตรอินทรีย์ที่เน้นการตากแห้งเพื่อส่งขาย ช่วงเมื่อหลายปีก่อนถึงตอนนี้ “คุณแอน-ภัทราพร ประพันธ์”แกนนำกลุ่มและเจ้าของผลิตภัณฑ์ “อัญชันอบกรอบปรุงรส” จากวิสาหกิจชุมชนต้นน้ำวัง อ.วังเหนือ จ.ลำปาง บอกว่า การผลิตที่ยังคงแนวทางเกษตรปลอดภัยอยู่เหมือนเดิมเพิ่มเติมคือ การพัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์แปรรูปโดยเฉพาะขนม หรืออัญชันอบกรอบปรุงรส ซึ่งมีจุดเริ่มต้นที่มาจากความบังเอิญช่วงหน้าฝนการทำตากแห้งโดยอาศัยแสงแดด อุปสรรคสำคัญทำให้ไม่สามารถผลิตตามสเปกของคนซื้อได้ สถานการณ์ราคาที่เริ่มผันผวนหนำซ้ำยังมีปัญหาเรื่องการเกิดเชื้อราเข้าทำลายอีกด้วยจึงลองหาวิธีการแปรรูปเพิ่มมูลค่าขึ้นมาทดแทน“ด้วยความที่เสียดายของ ช่วงนั้นเป็นหน้าฝนไม่ค่อยจะมีแดดให้ตากผลผลิต เริ่มเกิดปัญหาเรื่องเชื้อราตามมาก็เลยลองนำมาอบดูซิว่าออกมามันจะเป็นยังไง ก็ใช้หม้ออบลมร้อนเล็ก ๆ ที่มีอยู่ในครัวปรากฏว่า พออบแล้วซึ่งในช่วงแรกมันจะมีกลิ่นเหม็นเขียวอยู่บ้าง แต่หลังจากนั้นกลิ่นจะหอมอารมณ์แบบกินปลากรอบแทนลองกินแบบเปล่า ๆ ดูซิ เอ้อมันก็อร่อยดีนะ! พอดีตอนนั้นเห็นหลานกำลังกินมันฝรั่งทอดรสสาหร่ายอยู่ก็เลยได้ไอเดีย ไปหาซื้อผงคลุกรสเดียวกันมาใส่ลองดูบ้าง ให้หลานชิมดูซิว่ามันจะเป็นอย่างไร ปรากฏว่าเด็กปกติคือจะไม่ชอบกินผักเลยก็กินได้! และยังบอกด้วยว่าอร่อย! จากจุดเริ่มต้นตอนนั้นมาก็เลยเดินหน้าพัฒนาเรื่องการทำขนมเพิ่มมาเรื่อย ๆ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์อื่นด้วย” คุณแอน เล่าว่า ตอนที่ตัดสินใจเริ่มปลูก “อัญชัน” เป็นครั้งแรก ช่วงนั้นประมาณปี 2561 เพราะว่ามีน้องที่รู้จักกันเขาทำงานอยู่ที่โครงการหลวง มาชวนให้ปลูกและส่งขายผลผลิตแห้งกับเขาได้โดยตรง แต่มีเงื่อนไขคือต้องทำแบบเกษตรอินทรีย์เท่านั้น การตากแห้งโดยวิธีธรรมชาติ(.ใช้แสงแดด) และมีราคาการรับซื้อผลผลิตให้อยู่ที่ 300 บาท/กก.ตนเห็นว่าเป็นอาชีพเสริมที่น่าสนใจก็เลยชักชวนชาวบ้านให้มาร่วมกลุ่มฯ การลงทุนด้านการผลิตทุกอย่างรับผิดชอบเอง

ของกินเล่นพันธุ์ใหม่ขายดี! สายเฮลตี้เลิฟ “อัญชันอบกรอบปรุงรส” เพิ่มมูลค่าดอกไม้กินได้

ส่วนชาวบ้านซึ่งจะเป็นคนแก่ที่อยู่ว่าง ๆ ก็ให้มาช่วยเป็นแรงงานเก็บดอกอัญชัน โดยมีค่าจ้างให้ตามน้ำหนักที่เก็บมาได้ชั่งเป็นกิโลๆ ละ 20 บาท

ซึ่งพอสถานการณ์ราคารับซื้อเริ่มผันผวนประกอบกับมองเห็นช่องทางใหม่ การขายขนมที่ลองทำขึ้นมาดู ข่าวอาหาร โดยมีเพื่อน ๆ ที่เปิดร้านขายของฝากอยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวแถวเวียงป่าเป้า-แม่กำปอง ช่วงนั้นก่อนโควิดจะมามีทัวร์จีนที่เข้ามาท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ ตอนแรกที่ฝากขาย “ชาอัญชัน” อยู่ก่อนก็ลองเสริม “อัญชันอบกรอบปรุงรส” ไปขายดูด้วย มีรสต่าง ๆ ให้เลือกตามผงคลุกรส อาทิ ต้มยำ สาหร่าย บาร์บีคิว รสลาบ หมาล่า รสชีส ฯลฯ ใส่ในซองเล็ก ๆ ขนาดบรรจุ5 กรัม ตั้งราคาขายปลีกไว้คือ25 บาท ก็ปรากฏขายดีมากรสที่คนจีนชอบจะออกแนวจัดจ้านคือ ต้มยำ สาหร่าย และก็บาร์บีคิว เป็นต้น ส่วนบางรสเช่น รสลาบและหมาล่า คนจีนกลับไม่ค่อยสนใจสักเท่าไร การขายขนมในช่วงนั้นยังคงเป็นแบบครัวหลังบ้านทำง่าย ๆ อยู่ จนกระทั่งพอเกิดโควิด-19 ขึ้นมา ซึ่งทำให้ทุกอย่างต้องหยุดชะงักทันทีทั้งตลาดการค้าการขายและทัวร์จีนก็หายไปด้วย ตอนนั้นการผลิตก็เลยได้แค่เพียงทำแห้งเพราะยังสามารถขายเรื่อย ๆ ราคามีช่วงถูกช่วงแพงบ้างก็ตามสถานการณ์ที่พอทำได้ไปก่อน และเริ่มมาขยับใหม่อีกครั้งเมื่อสถานการณ์โควิดมีการคลายมาตรการเพื่อผ่อนปรนให้คนออกมาทำกิจกรรมต่างๆ ได้บ้าง แนวคิดเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ก็เลยเริ่มขึ้นอีกจากตอนนั้น ไปหาผู้รู้เข้าไปถาม รวมทั้งเสาะแสวงหาแหล่งเพื่อการฝึกฝนวิชาเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่อยากจะรู้ในครั้งนี้ สมัครเข้าโครงการต่าง ๆ ทั้งของภาครัฐและเอกชนที่เปิดกว้างให้กับผู้ประกอบการเข้าไปฝึกฝนและพัฒนา เพื่อเติมเต็มในส่วนที่ตนเองยังขาด ตอนนั้นก็เดินสายไปพิชชิ่งในหลาย ๆ เวทีเพื่อแสวงหาความรู้และหาทุนด้วย ก็ได้ความช่วยเหลือจากทาง สสว. เป็นอย่างดี มีโอกาสได้นำสินค้าไปออกงานที่กรุงเทพฯ และเริ่มเรียนรู้ได้ว่าทิศทางการตลาดของอาหารเพื่อสุขภาพกำลังเป็นที่สนใจและต้องการของผู้บริโภค

แนะนำข่าวอาหาร อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : ทำความรู้จัก “นักชิมพิการทางสายตา” อาชีพใหม่สร้างรายได้มหาศาล

ทำความรู้จัก “นักชิมพิการทางสายตา” อาชีพใหม่สร้างรายได้มหาศาล

การพัฒนา “สูตรอาหารใหม่” เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของร้านอาหารเพื่อเพิ่มยอดขายและสร้างความแปลกใหม่ แต่การพัฒนาสูตรอาหารเฉพาะหรืออาหารซิกเนเจอร์

อาหาร นักทดสอบชิมอาหารที่มีความรู้ รวมทั้งมีประสาทสัมผัสที่ดี “อาชีพนักชิม” จึงเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่น่าสนใจ จากข้อมูลทางวิชาการซึ่งเป็นผลการศึกษาวิจัยในอดีตพบว่า ผู้พิการทางสายตา มีศักยภาพในการจัดกลุ่มกลิ่นและแยกความแตกต่างของผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มได้ดีกว่าคนปกติทั่วไป เป็นข้อมูลสนับสนุนว่าคนพิการทางการเห็นมีประสาทสัมผัสที่ดี ที่สามารถใช้เป็นฐานในการชิมอาหารได้ โดยในต่างประเทศมีการยอมรับคนพิการเข้าไปทำงานทดสอบทางประสาทสัมผัสผลิตภัณฑ์หลายชนิด ก่อนที่จะออกสู่ตลาด อาทิ ผลิตภัณฑ์เวชสำอางในประเทศฝรั่งเศส หรือผลิตภัณฑ์ไวน์ในสหรัฐอเมริกา เป็นต้น ทว่าในประเทศไทยยังไม่มีการใช้ศักยภาพของผู้พิการทางสายตาในการทดสอบสินค้า ส่วนหนึ่งมาจากต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากขั้นตอนในการฝึกอบรมคนพิการทางการเห็นในการทดสอบทางประสาทสัมผัส ต้องใช้ระยะเวลานาน และต้องมีการฝึกฝนและทดสอบเพื่อให้เกิดความ “แม่นยำ”และ มีความ“ถูกต้อง” ก่อนที่จะให้คนพิการได้ทดสอบสินค้าหรือผลิตภัณฑ์เหล่านั้น พัฒนาทักษะอาชีพนักชิม เพิ่มคุณภาพชีวิตผู้พิการ

ทำความรู้จัก นักชิมพิการทางสายตา อาชีพใหม่สร้างรายได้มหาศาล

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) ในการจัดทำโครงการ “พัฒนาทักษะอาชีพนักชิมอาหารปรุงสำเร็จผู้พิการทางการเห็นเพื่อสร้างรายได้เสริม”ขึ้น

ภายใต้ทุนสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ระยะเวลาดำเนินงาน 12 เดือน ข่าวอาหาร (เริ่มเดือนกุมภาพันธ์ 2565 – กุมภาพันธ์ 2566) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อยกระดับรายได้ให้กับผู้พิการทางสายตา ผ่านการพัฒนาทักษะอาชีพนักชิมอาหาร และเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านที่ 5 ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม แผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยดำเนินการร่วมกับบุคลากรและนักเรียนในโรงเรียนสอนคนตาบอด/ศูนย์ฝึกอาชีพคนตาบอด ในพื้นที่เป้าหมาย 3 แห่ง ได้แก่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี อ.เมือง จ.สิงห์บุรี และ อ.สามพราน จ.นครปฐม ผศ. ดร.ธิติมา วงษ์ชีรี นักวิจัย สังกัดศูนย์วิจัยและบริการเพื่อชุมชนและสังคม สำนักวิจัยและบริการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มจธ. หัวหน้าโครงการ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ทำงานวิจัยพัฒนาศักยภาพของผู้พิการทางสายตานมาตั้งแต่ปี 2558 เริ่มจากการทำโปรไฟล์กลิ่นฝักวนิลา การจัดกลุ่มกลิ่นข้าวหุงสุก พบว่าผู้พิการทางสายตามีความสามารถในการจำแนกกลุ่มกลิ่นได้แม่นยำ นอกจากนี้ยังมีความแม่นยำในการประเมินความกรอบของขนมกรุบกรอบได้ใกล้เคียงกับการใช้เครื่องมือวัดฯ มากกว่าคนสายตาปกติ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าคนพิการทางการเห็นไม่สามารถนำจุดเด่นเหล่านี้ มาสร้างรายได้ให้กับตัวเอง

แนะนำข่าวอาหาร อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : วิกฤติอาหารไทยปี 2566 พึ่งพาวัตถุดิบผูกขาด

วิกฤติอาหารไทยปี 2566 พึ่งพาวัตถุดิบผูกขาด

นับวันแนวโน้ม “สิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ” จะถูกทำลายส่งผลต่อความหลากหลายทางชีวภาพต้องเผชิญ “วิกฤติสิ่งมีชีวิตสูญพันธุ์” สอดรับการขาดแคลนอาหารอันเป็นปัญหาตามมาในอนาคต

ข่าว กระทั่งไม่นานมานี้ Thai Climate Justice for All ร่วมกับสมัชชาองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากร และศูนย์มานุษย วิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) “จัดการประเมินสถานการณ์นิเวศสิ่งแวดล้อม ความมั่นคงทางอาหารปี 65 และทิศทางปีหน้า พร้อมข้อเสนอนโยบายสำหรับรัฐบาล” อันเกิดจากมุมมองนักขับเคลื่อนภาคประชาสังคมและนักวิชาการทำงานกับประชาชนในแต่ละด้าน สะท้อนปัญหาสิ่งแวดล้อมปี 2565 เกิดจากรากเหง้าปัญหาใด แล้วในปี 2566 ประเทศไทยกำลังเผชิญกับอะไรกันบ้าง?นั้น วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการมูลนิธิชีววิถีหรือ BIOTHAI กล่าวในหัวข้อความมั่นคงทางอาหารและนิเวศเกษตรว่า ตามหลักความมั่นคงทางอาหารนั้น “ทุกคนต้องมีอาหารเพียงพอ ปลอดภัย โภชนาการครบถ้วน” ควบคู่กับคำนิยาม “อธิปไตยทางอาหาร” อันเป็นสิทธิผู้ที่เกี่ยวกับระบบอาหารมีอำนาจจัดการฐานทรัพยากร การพัฒนาการผลิต การกระจายอาหาร และการบริโภค สิ่งสำคัญประชาชนต้องมีส่วนร่วมออกนโยบายที่เกี่ยวข้องด้วย ประการต่อมา “อาหารมักอยู่ภายใต้ระบบนิเวศเกษตร” ในการผลิตอาหารให้ยั่งยืนนั้นต้องมีความสัมพันธ์กับ “สิ่งแวดล้อมที่หลากหลายทางชีวภาพ และมีความสัมพันธ์ทางสังคม” หากย้อนไปช่วง 6-7 ทศวรรษที่ผ่านมา

วิกฤติอาหารไทยปี 2566 พึ่งพาวัตถุดิบผูกขาด

“เป็นยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม” มักยืนบนพื้นฐานที่อาหารไม่มั่นคงอย่างยิ่ง ปัจจุบันนี้ “องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO)” ประเมินพันธุ์พืชที่ใช้มีเพียง 10% เท่านั้นจากเคยใช้เมื่อ 100 ปีก่อน ส่วนที่สูญหายเกิดจากการขยายเกษตรกรรมเชิงเดี่ยว “พันธุ์สัตว์”

ก็เหลือแค่ครึ่งเดียวเพราะอุตสาหกรรมการเกษตรพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ภายใต้บทบาทการผลักดันของบรรษัทขนาดใหญ่ทั้งหลาย ทำให้เกิดปัญหาการควบคุมพันธุกรรมสัตว์ และพันธุ์พืชที่ใช้ผลิตอาหาร สังเกตปัจจุบันตลาดเมล็ดพันธุ์ 75% อยู่ในมือ 8 บริษัท ทั้ง 99% ของสายพันธุ์ไก่เนื้อถูกครองโดย 4 บริษัท และมีบริษัท 3 แห่ง ครองสายพันธุ์ไก่ไข่เกือบ 100% แล้วช่วงการระบาดไข้หวัดนก และอหิวาต์แอฟริกาหมู ทำให้เนื้อสัตว์หายออกจากตลาดจำนวนมาก ผลที่ตามมา “ราคาเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะการผูกขาดสายพันธุกรรมนี้” ทั้งที่ฐานการผลิตสายพันธุ์สัตว์อยู่ในเอเชีย “โดยเฉพาะสายพันธุ์ไก่บ้านแหล่งกำเนิดเก่าแก่ที่สุดอยู่ใน จ.นครราชสีมา” แม้แต่ “สหรัฐอเมริกา” ก็นำไปใช้พัฒนาปรับปรุงสายพันธุกรรมกระจายไปทั่วโลก แต่คนไทยกลับพึ่งพาไม่กี่บริษัทนี้ หนำซ้ำความถดถอยของเกษตรกรรมในระบบการผลิตอาหารนี้ “USDA สหรัฐอเมริกา” ข่าวอาหาร เคยวิจัยประเมินพบว่า “คุณค่าทางโภชนาการของพันธุ์พืชที่ใช้ผลิตอาหาร” ตั้งแต่ปี 1950 ถึงปัจจุบันนั้น “คุณค่าของผักผลไม้ 43 ชนิดลดลงทั้งสิ้น” เช่น วิตามินเอ ลดลง 18% วิตามีนบี 2 ลด 38% วิตามินซี 15% เหล็ก 15% แคลเซียม 16% สะท้อนว่าระบบการผลิตในปัจจุบัน “ทำลายคุณค่าอาหาร” ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงพันธุกรรมให้เหลืออยู่ไม่กี่ชนิดเพื่อเน้นผลผลิตให้เพิ่มมากขึ้น แล้วงานวิจัยที่น่าสนใจจาก “ม.วอชิงตัน ร่วมกับ ม.ปักกิ่ง” ท่ามกลางการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยเฉพาะคาร์บอนอย่างกรณี “ข้าว” ผลกระทบของสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง

มิชลิน ไกด์ ประกาศ 189 ร้านอาหารคว้า “บิบ กูร์มองด์” ปี 2566

มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย ประกาศรายชื่อร้านอาหารคว้าสัญลักษณ์ “บิบ กูร์มองด์” ประจำปี 2566 รวมทั้งสิ้น 189 ร้าน มีร้านใหม่ติดอันดับ 53 ร้าน

มิชลิน ไกด์ ประกาศ 189

ข่าว มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย เผยรายชื่อร้านอาหารและสตรีตฟู้ดคุณภาพดีราคาย่อมเยาที่ผ่านการคัดเลือกให้ได้รับสัญลักษณ์ “บิบ กูร์มองด์” (Bib Gourmand) ประจำปี 2566 รวมทั้งสิ้น 189 ร้าน โดยในจำนวนนี้ 53 ร้านได้รับการจัดอันดับครั้งแรก และ 6 ร้านได้รับการเลื่อนระดับจากปีก่อน นายเกว็นดัล ปูลเล็นเนค (Gwendal Poullennec) ผู้อำนวยการฝ่ายจัดทำคู่มือมิชลิน ไกด์ทั่วโลก กล่าวว่า ร้านอาหารสตรีตฟู้ดที่ได้รับสัญลักษณ์ “บิบ กูร์มองด์” สะท้อนให้เห็นถึงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมอาหารของไทยที่ได้ชื่อว่าเป็น “ดินแดนสวรรค์ด้านสตรีตฟู้ด” สำหรับนักชิมที่ใส่ใจในราคา เรียกได้ว่าในไทยนั้นสตรีตฟู้ดเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต สามารถพบเห็นร้านอาหารแบบนี้ได้ทุกที่ทั่วประเทศ ทั้งยังนำเสนออาหารที่อร่อยและหลากหลายอย่างเหลือเชื่อ ข่าวอาหาร ดังนั้น สตรีตฟู้ดไม่เพียงมอบประสบการณ์การการรับประทานอาหารแบบไทยขนานแท้ แต่ยังเป็นช่องทางให้สัมผัสความสนุกตื่นเต้นไปกับวัฒนธรรมด้านอาหารของไทยอีกด้วย ในช่วงเวลานี้ที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มลดลง เราหวังว่าการประกาศรายชื่อร้านอาหารที่ได้รับสัญลักษณ์ บิบ กูร์มองด์ จะมีส่วนช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงอาหารของไทย โดยเฉพาะในภาคอีสาน ซึ่ง มิชลิน ไกด์ ได้ทำการจัดอันดับเป็นครั้งแรกในปีนี้ โดยมุ่งสร้างความคึกคักทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนท้องถิ่นและประเทศไทยโดยรวม

SX Food Festival งาน SX 2022 วันที่ 2 ไม่แผ่ว! แห่ชิมเมนูเด็ดกว่า 100 ร้านดัง ศูนย์สิริกิติ์

แห่ชิมเมนูเด็ดกว่า 100 ร้านดังพื้นที่หมื่น ตร.ม. ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

อาหาร วันที่ 25 กันยายน 2565 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของการเปิดโซน “SX Food Festival” ในงาน Sustainability Expo 2022 หรือ SX 2022 มหกรรมด้านความยั่งยืนที่ใหญ่สุดในอาเซียน ที่จะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 กันยายนนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีประชาชนที่ส่วนมากมาเป็นครอบครัว มาเลือกชิมเลือกซื้ออาหารในโซน SX Food Festival กันอย่างหนาตาตลอดทั้งวัน โดยโซนนี้ครอบคลุมพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร ฮอลล์ 5-6 ชั้น LG ศูนย์สิริกิติ์ แบ่งเป็นโซนย่อย คือ อาหารไทย จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และยุโรป รวมแล้วกว่า 100 ร้าน ซึ่งแต่ละร้านได้รับการคัดสรรมาแล้วทั้งรสชาติและคุณภาพ มีทั้งอาหารสตรีตฟู้ด ภัตตาคาร และโรงแรม หลายร้านการันตีความอร่อยระดับมิชลิน อาหารไทย คัดร้านเด่น ๆ พร้อมเมนูหลากหลาย ทั้งอาหารและขนมชวนน้ำลายสอ ไม่ว่าจะเป็น เจ๊แดงสามย่าน, หมูทอดเจ๊จง, ทอดมันฮอยจ้อของดีเมืองแปดริ้ว, สยามแหนมเนือง, เจ๊ไข่ซีฟู้ด, มณเฑียร ริเวอร์ไซด์, ก๋วยเตี๋ยวเรือทองสยาม, ยักษ์กะโจน, เชฟจ๋า กับอาหารอีสานแพลนท์-เบส, เชฟบอล กับอาหารไทยแพลนท์-เบส, สรินทร์ทิพย์ ขนมเบื้องไทยตลาดพลู, กาแฟผาฮี้ ฯลฯ อาหารจีน เสิร์ฟความอร่อยจากร้านจกโต๊ะเดียว, แสนยอดโภชนา, ข้าวต้มแปลงนาม, เชฟป้อม กับซาลาเปาแพลนท์-เบส, บะหมี่ปู ถ.แปลงนาม, ขนมจีบเฮียเสก, ซาลาเปาไต้แป๊ะ, เชฟเป่าเป้ กับเค้กไต้หวัน, Man Fu Yuan ฯลฯ อาหารญี่ปุ่น กับร้านเด็ด ทั้ง Daisho, Sekai No Yamachan, Midori Official, Makindi Takoyaki, Yuzu Ramen, Oishi Restaurant, Oishi Biztoro เป็นต้น อาหารเกาหลี พบร้านดัง อย่าง Overseoul, EST., Kiani, เชฟเนตร ฯลฯ อาหารยุโรป ที่ยกขบวนมาทั้ง AWC Hilton Sukhumvit Bangkok, AWC Athenee, G.J. Lecker, Lady Butcher, Spaghetti House 789, Dolly churro และร้านเด็ดอีกมากมาย พร้อมเมนูอาหารและของหวานรสชาติเยี่ยม

SX Food Festival งาน SX 2022 วันที่ 2 ไม่แผ่ว! แห่ชิมเมนูเด็ดกว่า 100 ร้านดัง ศูนย์สิริกิติ์

ไฮไลต์ของ SX Food Festival ตลอดการจัดงาน ยังอยู่ที่การระดมเชฟ 20 ราย ดีกรีเชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย และมาสเตอร์เชฟ ประเทศไทย

ทั้ง เชฟอ๊อฟ-ณัฐวุฒิ ธรรมพันธุ์, เชฟอาร์-ธีรภัทร ตียาสุนทรานนท์, เชฟไก่-ธนัญญา ไข่แก้ว, ข่าวอาหาร เชฟพฤกษ์ สัมพันธวรบุตร, เชฟแก้ว-ปวีณ์นุช ยอดปรีชาวิจิตร, เฟิร์ส-ธนภัทร สุยาว, แม็กซ์-นันทวัฒน์ จรรยาลิขิต, ลี่-พรชนัน พัฒนาปัญญาสัตย์ ฯลฯ มาสาธิตการทำอาหารแนวสุขภาพและอาหารออร์แกนิก รวมทั้งการนำอาหารเหลือมาสร้างสรรค์เป็นสูตรเมนูใหม่ ซึ่งการสาธิตเมนูอาหารจากเชฟชื่อดัง เป็นอีกจุดที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมจำนวนมาก ภายในโซน SX Food Festival มี Food Waste Station กระจายอยู่รอบๆ ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานอย่างมากเช่นกัน เพราะนอกจากจะต้องนำเศษอาหารและขยะต่าง ๆ ไปทิ้งที่จุดดังกล่าวแล้ว เศษอาหารยังสามารถนำใส่เครื่อง เพื่อแปรสภาพเป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่มีความเข้มข้นสูงได้ภายใน 24 ชั่วโมงอีกด้วย ภายในงานมีแจกปุ๋ยอินทรีย์นี้ฟรี วันละ 200 ถุง มีประชาชนสนใจรับแจกอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีกิจกรรมพิเศษ นำขวดมารีไซเคิล 1 ขวด รับ 1 คะแนน เมื่อสะสมครบ 10 คะแนน รับน้ำดื่มหรือของแจกจากงาน ซึ่งกิจกรรมนำขวดมารีไซเคิลเพื่อสะสมคะแนนนี้ จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 26 กันยายนเป็นต้นไป อีกจุดที่ได้รับความสนใจไม่แพ้กัน คือ Organic Market จำหน่ายสินค้าออร์แกนิกจากชุมชนทั่วไทย อาทิ เครือข่ายเกษตรอินทรีย์วิถีน่าน, ธรรมธุรกิจ, จันทร์กับผัก, แดรี่โฮม, ดอยคำ, GRAND Organic ฟาร์มออร์กานิกไทยมาตรฐาน, IFOAM ที่นำเสนอขนมแปรรูปจากผัก, เจียไต๋ฟาร์ม ฯลฯ ผู้สนใจสามารถมาชิม-ช็อป อาหารจากร้านเด็ดเมนูดังกว่า 100 ร้าน ในโซน SX Food Festival ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 2 ตุลาคม 2565 เวลา 10.00-21.00 น. ที่ฮอลล์ 5-6 ชั้น LG ศูนย์สิริกิติ์ ส่วนโซนอื่น ๆ จะเปิดให้เข้าชมในวันที่ 26 กันยายน ถึง 2 ตุลาคม 2565 SX 2022 คือมหกรรมด้านความยั่งยืนที่ใหญ่สุดในอาเซียน จัดโดย 5 องค์กรชั้นนำด้านความยั่งยืนของไทย ได้แก่ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือจีซี, บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือเอสซีจี, บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ครอบคลุมพื้นที่กว่า 40,000 ตารางเมตรของศูนย์สิริกิติ์

แนะนำข่าวอาหาร อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : ดื่มด่ำกับรสชาติสดใหม่ของฟยอร์ดเทราต์จากนอร์เวย์ ที่ห้องอาหารโกจิ คิทเช่น + บาร์

ดื่มด่ำกับรสชาติสดใหม่ของฟยอร์ดเทราต์จากนอร์เวย์ ที่ห้องอาหารโกจิ คิทเช่น + บาร์

ฟยอร์ดเทราต์แหวกว่ายทวนกระแสธารน้ำแข็งที่ละลายผสมกับน้ำจืดที่ไหลมาจากภูเขา อาศัยอยู่ในแหล่งธรรมชาติอันอุดมสมบูณ์ของประเทศนอร์เวย์

อาหาร ทำให้กลายมาเป็นปลาสดคุณภาพสูงที่ให้เนื้อสัมผัสนุ่ม อร่อย กรุบเด้ง และฉ่ำ รสชาติหวานละมุน มีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างเหลือเชื่อ และเป็นวัตถุดิบยอดนิยมของเชฟทั่วโลก เพื่อสร้างการรับรู้ในหมู่ผู้บริโภคชาวไทยเกี่ยวกับความโดดเด่นของฟยอร์ดเทราต์ หรือที่รู้จักกันในนาม ‘อัญมณีแห่งฟยอร์ดนอร์เวย์’ ทาง สภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์ (NSC) ได้จับมือกับ ธรรมชาติซีฟู้ด และ โรงแรม แบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค จัดโปรโมชั่น “Ocean-fresh Flavor of Fjord Trout” ที่ห้องอาหารโกจิ คิทเช่น + บาร์ แหล่งรวมอาหารนานาชาติ เชิญชวนแขกมาดื่มด่ำกับคอร์สเมนูอาหารทะเลและฟยอร์ดเทราต์จากนอร์เวย์อันเลิศรส รังสรรค์โดย เชฟคริสเตียน อองเดร เพตเตอเซน ตัวแทนประเทศนอร์เวย์ในการแข่งขัน Bocuse d’Or Europe เมื่อวันที่ 14 – 17 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา ในโซนไลฟ์สเตชั่น เฉพาะช่วงมื้อเย็นของวันพฤหัสบดี – วันอาทิตย์ มื้อกลางวันวันเสาร์ และมื้อสายวันอาทิตย์ โดยเชฟคริสเตียน ได้ถือโอกาสเนรมิตคอร์สอาหารจานเด็ดถึง 3 เมนู ได้แก่ “Norwegian Fjord Trout Aurora Borealis” (ฟยอร์ดเทราต์รมควันอบกับหน่อไม้ฝรั่งตุ๋น ถั่วงอก แฮมและซาบายอนเนยสีน้ำตาล) “East Meets West” (เซวิเช่ฟยอร์ดเทราต์กับอะโวคาโดครีม แตงกวาดอง ส้มโอ สลัดสาหร่าย และซอสมะเขือเทศเขียวและแอปเปิ้ลเขียวปรุงรสด้วยยูซุ) และ “Heritage of Lofoten” (ฟยอร์ดเทราต์รมควันกับ ซอสครีมเปรี้ยวกับคาเวียร์และต้นหอมฝรั่ง และวาฟเฟิลกรอบแบบนอร์ดิก)โปรโมชั่นฟยอร์ดเทราต์จะมีถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2565 ที่ห้องอาหารโกจิ คิทเช่น + บาร์ ฟยอร์ดเทราต์ที่นำเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบุฟเฟ่ต์นี้ ได้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวดจากทางธรรมชาติซีฟู้ด เพื่อให้แน่ใจว่าได้ตามมาตรฐานคุณภาพสูงสุด และสังเกตได้จากสัญลักษณ์ Seafood from Norway ที่บ่งบอกถึงแหล่งที่มาของอาหารทะเลจากนอร์เวย์

ดื่มด่ำกับรสชาติสดใหม่ของฟยอร์ดเทราต์จากนอร์เวย์ ที่ห้องอาหารโกจิ คิทเช่น + บาร์

นายฉู ตงหยู ผู้อำนวยการ FAO กล่าวในการแถลงข่าวว่า “ราคาอาหาร, ปุ๋ย, อาหารสัตว์ และเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้น ตลอดจนภาวะการเงินที่ตึงตัว กำลังทำให้ผู้คนทั่วโลกต้องทุกข์ทรมาน”

“ประชาชนประมาณ 19 ล้านคนอาจเผชิญกับภาวะขาดสารอาหารเรื้อรังทั่วโลกในปี 2566 ข่าวอาหาร หากการผลิตอาหารทั่วโลกลดลงและอุปทานอาหารจากประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ รวมถึงรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้ความพร้อมด้านอาหารทั่วโลกลดลง” นายฉูกล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงานเมื่อวันพุธ (29 มิ.ย.) ว่า ทั้ง 2 หน่วยงานของสหประชาชาติ (UN) ระบุในรายงานร่วมเรื่อง “Agricultural Outlook for 2022-2031” ว่าภาคเกษตร-อาหารจำเป็นต้อง “เลี้ยงประชากรที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในลักษณะที่ยั่งยืน” นอกจากนี้ รายงานระบุว่า ภาคเกษตร-อาหารต้องรับมือกับผลกระทบของวิกฤตสภาพภูมิอากาศและผลกระทบทางเศรษฐกิจ ตลอดจนอุปทานอาหารที่หยุดชะงักเนื่องจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน รายงานดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่ “การประเมินแนวโน้มระยะกลางสำหรับตลาดสินค้าเกษตร” ทั้ง 2 องค์กรเน้นย้ำถึง “บทบาทสำคัญของการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินและการลงทุนภาคเอกชนเพิ่มเติมในด้านการผลิต, เทคโนโลยีสารสนเทศ และโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนทุนด้านบุคลากร เพื่อเพิ่มความสามารถในการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร” ทั้งนี้ ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้นตามอุปสงค์ที่ฟื้นตัวหลังการระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ ต้นทุนการผลิตและการขนส่งก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากทั้งรัสเซียและยูเครนเป็น “ซัพพลายเออร์หลักด้านธัญพืช” รายงานระบุว่า การบริโภคอาหารทั่วโลก “คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.4% ต่อปีในช่วงทศวรรษหน้า และจะได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของจำนวนประชากรเป็นหลัก”