ส่องเทรนด์งานดีไซน์ ‘ไต้หวัน’ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลดโลกร้อน

‘ไต้หวัน’ ต้นแบบดีไซน์สินค้า ตอบโจทย์เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม โดยไต้หวันมองไปไกลเกินกว่าคำว่าต้นทุน

ออกแบบ เมื่อเทียบกับการยอมจ่ายเงินซื้อสินค้าแพงขึ้นอีกนิด แต่แลกกับสินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้น และช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อชีวิตความเป็นที่ดีขึ้นของทุกคน ไต้หวันกำลังก้าวสู่ความเป็นสังคมสีเขียวและใช้ประโยชน์จากเศรษฐกิจหมุนเวียน ไปพร้อมๆกับการเปิดโอกาสให้ธุรกิจต่างๆได้แข่งขันกันออกแบบและพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนไต้หวันรุ่นใหม่ที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการลดโลกร้อน “ชือ อี-ฉาง” ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยด้านการออกแบบแห่งไต้หวัน (Taiwan Design Research Institute : TDRI) เล่าว่าไต้หวันเป็นเกาะเล็กๆ มีทรัพยากรค่อนข้างจำกัด ทุกคนตระหนักถึงเรื่องนี้ และเริ่มหันมาใช้ถุงผ้าและคัดแยกประเภทขยะมาตั้งแต่ 20-30 ปีที่แล้ว

ส่องเทรนด์งานดีไซน์ ‘ไต้หวัน’ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลดโลกร้อน

ถือเป็นจุดเริ่มต้นการใส่ความคิดและให้ความรู้ประชาชนไต้หวันอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เป็นประโยชน์และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

และสร้างวงจรการใช้ผลิตภัณฑ์ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Cycle) ‘กรีนไซเคิล’ ออกแบบ ไลฟ์สไตล์เพื่อความยั่งยืน แนวคิดดังกล่าวจุดประกายงานดีไซน์ผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์สังคมและไลฟ์สไตล์คนไต้หวันรุ่นใหม่ ที่มุ่งลดโลกร้อน เดิมไต้หวันมีจุดแข็งอยู่ที่เป็นแหล่งผลิตสินค้า OEM ให้กับแบรนด์ต่างประเทศ มาจนถึงปัจจุบัน ไต้หวันเป็นแหล่งผลิตสินค้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์และไอทีแห่งใหญ่ในเอเชีย ซึ่งอุตสาหกรรมเหล่านี้ มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้เศรษฐกิจไต้หวันเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะผลิตสินค้าใดๆในไต้หวันจะเน้นการพัฒนากระบวนการผลิตที่ตอบโจทย์ “แนวคิดความยั่งยืน” และให้ความสำคัญเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ

แนะนำข่าวออกแบบ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : ก็โหนเฮลิคอปเตอร์ไปเลยสิ นักศึกษาพรีเซนต์งานสุดปัง จะมาพรีเซนต์เหมือนกันไม่ได้

ก็โหนเฮลิคอปเตอร์ไปเลยสิ นักศึกษาพรีเซนต์งานสุดปัง จะมาพรีเซนต์เหมือนกันไม่ได้!

ต้องยอมรับเลยว่าการเรียนการสอนออนไลน์ในยุคนี้นั้นมันสามารถปลดล็อกความสร้างสรรค์ให้กับนักเรียนนักศึกษา

ก็โหนเฮลิคอปเตอร์ไปเลยสิ นักศึกษาพรีเซนต์งานสุดปัง จะมาพรีเซนต์เหมือนกันไม่ได้!

ออกแบบ ในการหาไอเดียใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนใครมานำเสนอและใช้กับการเรียนได้อย่างเต็มที่ โดยล่าสุดนั้นผู้ใช้งาน TikTok บัญชี @marxchinox นักศึกษาจาก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ได้ทำการอัปโหลดคลิปสุดฮาลงบนโซเชียลถึงการพรีเซนต์งานในระดับที่ปังเวอร์ พร้อมกับข้อความที่ว่า “ก็โหนเฮลิคอปเตอร์ไปเลยสิคับ5555” ซึ่งในคลิปนั้นจะเห็นถึง ช่วงท้ายของการนำเสนอพรีเซนต์งาน ของนักศึกษา โดยเขาได้ปิดท้ายการนำเสนอด้วยการขึ้นโหนเฮลิคอปเตอร์ ก่อนที่จะบินลอยฟ้าไปแบบชิคๆ ก่อนที่จะตัดจบด้วยฉากเฮลิคอปเตอร์บินตกจนเครื่องระเบิด คลิปดังกล่าวหลังจากที่ถูกแชร์ออกไปแล้ว เรียกว่าสร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้กับคนดูถึงไอเดียสุดปังปุริเย ที่ไม่เหมือนใครของเขาเป็นอย่างมาก ข่าวออกแบบ จนมีคนเข้ามารับชมกว่า ล้านครั้ง คนกดไลก์กว่า สองแสนครั้ง และนอกจากนั้นหลังจากที่คลิปไวรัล เขายังได้อัปโหลดคลิปเบื้องหลังการถ่ายทำพรีเซนต์งานแบบฉากเขียวก่อนตัดต่อมาให้ได้รับชมเพิ่มเติมกันอีกด้วย ต้องบอกเลยว่า จะมาพรีเซนต์เหมือนกันไม่ได้!!!

แนะนำข่าวออกแบบ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : “ลามิน่า” ส่งมอบอาคารหลังใหม่ในโครงการลามิน่าสานฝันเด็กไทยได้เล่าเรียน ปีที่ 22

“ลามิน่า” ส่งมอบอาคารหลังใหม่ในโครงการลามิน่าสานฝันเด็กไทยได้เล่าเรียน ปีที่ 22

ฟิล์มกรองแสงลามิน่า ยืนหยัดมุ่งมั่นตอบแทนสังคมและชุมชน ส่งมอบอาคารเรียนหลังใหม่ ในโครงการ “ลามิน่าสานฝันเด็กไทยได้เล่าเรียน”

ออกแบบ ให้แก่ โรงเรียนบ้านเหล่าข้าว อำเภอโพนทราย จังหวัดร้อยเอ็ด ต่อเนื่องเป็นปีที่ 22 ตอกย้ำพันธสัญญาลามิน่าขอเติบโตเคียงคู่สังคมไทย บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์และอาคาร “ลามิน่า” ฟิล์มกลุ่มพิเศษ “ลูมาร์” ผลิตโดย อีสท์แมน เพอร์ฟอร์แมนซ์ฟิล์ม สหรัฐอเมริกา อุปกรณ์บรรทุกสัมภาระ “ธูเล่” จากสวีเดน รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถครบวงจร “แอลลักซ์” คุณภาพเยี่ยมจากสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ยังคงเดินหน้าสานต่อกิจกรรมตอบแทนสังคมไทยกับโครงการ “ลามิน่าสานฝัน เด็กไทยได้เล่าเรียน” โครงการ 21 ปีที่ 22 ทุ่มงบประมาณมากกว่า 2 ล้านบาท ก่อสร้างอาคารเรียนหลังใหม่และปรับปรุงภูมิทัศน์ต่างๆ โดยรอบ ให้แก่โรงเรียนบ้านเหล่าข้าว อำเภอโพนทราย จังหวัดร้อยเอ็ดโครงการลามิน่าสานฝันเด็กไทยได้เล่าเรียน ริเริ่มขึ้นจากความตั้งใจของผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 ด้วยความเชื่อมั่นว่าความสำเร็จที่แท้จริงต้องเติบโตเคียงคู่ไปกับการตอบแทนคืนความสุขสู่สังคมไทย บริษัทจึงได้ริเริ่มโครงการที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาของเด็กและเยาวชน เพื่อให้เติบโตขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติต่อไป จึงเป็นที่มาของการก่อสร้างและส่งมอบอาคารเรียนหลังใหม่ อุปกรณ์การเรียน และทุนการศึกษาให้แก่โรงเรียนในท้องถิ่นทุรกันดารอย่างต่อเนื่องถึง 22 ปี 21 โครงการ

“ลามิน่า” ส่งมอบอาคารหลังใหม่ในโครงการลามิน่าสานฝันเด็กไทยได้เล่าเรียน ปีที่ 22

โดยได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีมาตลอดจากกัลยาณมิตรกลุ่มต่างๆ

ได้แก่ ชมรมรถขับเคลื่อนสี่ล้อกระทิงโทน, ศูนย์ตัวแทนจำหน่าย, ผู้จำหน่ายรถยนต์ต่างๆ, ข่าวออกแบบ ลูกค้าผู้ใช้ฟิล์มรถยนต์และฟิล์มอาคารลามิน่า, สื่อมวลชนและบุคคลผู้เกี่ยวข้องอีกมากมาย ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในพันธกิจหลักของบริษัทฯ ที่แสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม ในฐานะผู้นำตลาดฟิล์มกรองแสงอันดับหนึ่งในประเทศไทยมายาวนานตลอด 28 ปี ซึ่งในปีนี้ นางสาวจันทร์นภา สายสมร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด นำทีมผู้บริหารและตัวแทนพนักงานร่วมส่งมอบอาคารเรียนหลังใหม่ร่วมกัน โครงการล่าสุดเป็นการก่อสร้างอาคารเรียนขนาดใหญ่ 1 ชั้น จำนวน 4 ห้องเรียน ตัวอาคารยกระดับให้สูง น้ำท่วมไม่ถึง พร้อมเทลานปูนบริเวณหน้าอาคารบนพื้นที่ประมาณ 270 ตารางเมตรเชื่อมตัวอาคารและถนน ซึ่งได้ดำเนินการส่งมอบอาคารเรียนหลังใหม่พร้อมชุดโต๊ะเก้าอี้ให้แก่โรงเรียนบ้านเหล่าข้าว ในวันเด็กแห่งชาติที่ผ่านมา โดยมี นางสาวนิตยา บางโท ผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นผู้แทนรับมอบ นอกจากนี้ยังมีการมอบทุนการศึกษาจำนวน 120 ทุน พร้อมอุปกรณ์การเรียนการสอนและอุปกรณ์กีฬาให้กับโรงเรียนบ้านเหล่าข้าว และโรงเรียนใกล้เคียงอีก 4 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนยางคำวิทยา โรงเรียนบ้านกุ่คันธนามหนองฝั่งแดง โรงเรียนบ้านดอนขาม โรงเรียนเมืองโพนทราย รวมถึงนักเรียน 486 คน จากทั้ง 5 โรงเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมครูอาสาจากทีมอาสาสานฝันและกระทิงโทน จะได้รับกระเป๋าเป้สานฝัน ภายในบรรจุอุปกรณ์การเรียน และของขวัญในวันเด็ก สร้างความสุขและรอยยิ้มให้แก่เด็กๆ ผู้ปกครอง ครู และชุมชนชาวบ้านอย่างทั่วถึง

แนะนำข่าวออกแบบ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : คืนชีพ “วัสดุเหลือทิ้ง” เปลี่ยนเศษ Label สู่แฟชั่นรักษ์โลก

คืนชีพ “วัสดุเหลือทิ้ง” เปลี่ยนเศษ Label สู่แฟชั่นรักษ์โลก

แต่เดิมเราคิดว่า “แฟชั่น” กับเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องห่างไกล แต่ปัจจุบัน กระแส Fast fashion ที่ทำให้เกิดขยะมหาศาล ทำให้หลายคนหันมาให้ความสำคัญ เกิดการอัพไซคลิ่งโดยใช้ “วัสดุเหลือทิ้ง” เช่น ขวดพลาสติก รวมถึงไอเดียแฟชั่นจาก Label หรือเศษป้ายติดเสื้อ

คืนชีพ “วัสดุเหลือทิ้ง” เปลี่ยนเศษ Label สู่แฟชั่นรักษ์โลก

ข่าว ปัจจุบันเรื่องของ สิ่งแวดล้อม ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป โดยเฉพาะในวงการออกแบบไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ รวมไปถึงแฟชั่นเครื่องนุ่งห่ม ที่เราคุ้นชิน คือ การนำขวดพลาสติกมาอัพไซคลิ่ง (Upcycling) เป็นเสื้อยืดหรือจีวรพระ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่หลายคนมองข้ามอย่างเศษที่เหลือจากการทำ Label หรือป้ายติดเสื้อ ก็เป็นวัสดุที่สามารถนำมาถักทอกลับมาเป็นชุดที่สวยงามได้เช่นกัน สำหรับไอเดียการคืนชีพเศษ Label เกิดจากความชื่นชอบในด้าน แฟชั่น และการทอผ้า จุดประกายให้ “เปรม บัวชุม” วัย 24 ปี ผู้ชนะเลิศ จากคอลเล็กชัน The Origin of Rebirth การประกวดโครงการ “RECO Young Designer Competition” (รีโค่) ปีที่ 9 จัดโดย บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ ไอวีแอล ที่มีความใฝ่ฝันในการทำแบรนด์เสื้อผ้าและการสร้างสตูดิโอสอนทอผ้าจากเศษวัสดุเหลือใช้ คืนชีพ “วัสดุเหลือทิ้ง” เปลี่ยนเศษ Label สู่แฟชั่นรักษ์โลก ความฝันดังกล่าว ทำให้เปรมเลือกที่จะเรียนทางด้านสิ่งทอ คณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ ภาควิชาศิลปอุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และปัจจุบันทำงานด้านดีไซเนอร์ออกแบบอาร์ตเวิร์ค เฟอร์นิเจอร์ และผ้า ความโดดเด่นของผลงานที่เปรมส่งประกวดและคว้ารางวัลชนะเลิศในครั้งนี้ ข่าวออกแบบ เป็นการต่อยอดจากสิ่งที่เรียนมา โดยนำวัสดุที่เหลือจากการทอป้าย Label สินค้า ซึ่งจะโดนตัดทิ้งในช่วงริมผ้าหรือระหว่างป้าย โดยปกติของเหลือเหล่านี้จะถูกนำไปเป็นผ้าขี้ริ้ว หรือ ผ้าเช็ดรถ จึงเกิดไอเดียนำวัสดุเหล่านั้นมาใช้ ด้วยคอนเซปต์คอลเลคชั่น คือ “The Origin of Rebirth” การคืนชีพให้ “วัสดุเหลือทิ้ง” ให้กลับมามีชีวิตชีวาใหม่ ดังนั้น ผลงานดังกล่าวจึงไม่ใช่แค่งานศิลปะธรรมดา แต่สามารถใส่ได้จริง และสามารถทรานฟอร์มเป็นงานศิลปะตามที่ใจคิด ด้วยวัสดุรีไซเคิล 100%

 

คอลเลกชันเครื่องประดับสองขั้วที่ทลายทุกกฎเกณฑ์

คาร์เทียร์ (Cartier) แบรนด์เครื่องประดับและนาฬิกาสัญชาติฝรั่งเศส เปิดตัวสมาชิกใหม่ของแคลช เดอ คาร์เทียร์ (Clash de Cartier) คอลเลกชันเครื่อง ประดับสองขั้วที่ทลายทุกกฎเกณฑ์จากเมซง

ข่าว สำหรับดีไซน์ใหม่ประจำปีนี้ แคลช เดอ คาร์เทียร์ถ่ายทอดความสมดุลแห่งดีไซน์ผ่านสัญลักษณ์ของศิลปะสองขั้ว โดยนำรหัสจากความงดงามของชิ้นงานใน อดีต ผสานเข้ากับความร่วมสมัยของห้วงเวลาปัจจุบัน รังสรรค์เป็นเครื่อง ประดับชิ้นไอคอนิคแห่ง อนาคต คอลเลกชันเครื่องประดับสองขั้วที่ทลายทุกกฎเกณฑ์ แคลช เดอ คาร์เทียร์ โฉมใหม่มาพร้อมดีไซน์อันซับซ้อนและแยบยล สามารถสวมใส่ได้หลากสไตล์ และตรึงตาต้องใจตั้งแต่แรกเห็น ซึ่ง ลิลลี่ คอลลินส์ (Lily Collins) นักแสดงสาวชาวอังกฤษ-อเมริกัน แอมบาสเดอร์ผู้บอกเล่านิยามของคอลเลกชันแคลช เดอ คาร์เทียร์ ได้อย่างชัดเจน ลิลลี่สามารถถ่ายทอดศิลปะแห่งคู่ขนานของคอลเลกชัน แคลช เดอ คาร์เทียร์ได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเป็นตัวแทนของอิสตรียุคใหม่ผู้เปี่ยมด้วยรสนิยมอันลึกซึ้ง โดย แคลช เดอ คาร์เทียร์ ผลงานสร้างสรรค์ล่าสุดได้ขยายมิติแห่งคู่ขนานซึ่งไม่อาจแยกจากกัน

ภายใต้รหัสความงดงามตามแบบฉบับของเมซง โดยเล่นกับเทคนิคที่รังสรรค์ดีไซน์แบบเดียวกันขึ้นมาอีกครั้ง (การทำซ้ำ) และเนื้อสัมผัสอันหลากหลายของอัญมณี ใจความสำคัญของทั้งสองสิ่งนี้เพื่อสร้างภาษาภาพที่ผสานทั้งจังหวะและความหนักแน่น

เนรมิตเป็นคอลเลกชันเครื่องประดับสไตล์พังก์ที่งดงามเกินต้าน พร้อมลูกเล่นความมีชีวิตชีวายามเมื่อสวมใส่ ซึ่งมีหมุดจัตุรัสทรงโดมหรือ Clou Carré แบบแถวคู่ โดยหมุดจัตุรัสทรงโดม ถือเป็นเอกลักษณ์ซึ่งเป็นเสมือนแกนหลักของคอลเลกชันนี้ ข่าวออกแบบ ถูกนำมาเรียงรายเป็นแถวคู่บนเรือนแหวนและต่างหู ไปจนถึงกำไลข้อมือและสร้อยคอที่แลดูราวกับขยับเคลื่อนไหวได้อย่างสง่างาม โดยมีให้เลือกในตัวเรือนโรสโกลด์และทองคำประดับเพชร ทั้งกำไลข้อมือและสร้อยคอร้อยเรียงเข้าด้วยกันด้วยตัวล็อกซึ่งซ่อนไว้อย่างแนบเนียน จึงทำให้ดีไซน์ของเครื่องประดับในคอลเลกชันนี้แลดูราวกับเป็นประติมากรรมชิ้นเอก นอกจากนี้หมุดสตั๊ดแถวคู่ยังเพิ่มมิติและความสะดุดตาให้กับดีไซน์โฉมใหม่ครั้งนี้อีกด้วย

แอบไปชมนิทรรศการ GUCCI GARDEN ARCHETYPES ที่ออสเตรเลีย มัลติมีเดียผสานโลกเสมือนจริง

Gucci Garden Archetypes นิทรรศการมัลติมีเดียที่ผสานโลกเสมือนจริง ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี เดินทางมาถึงที่ Powerhouse Ultimo ณ เมืองซิดนีย์ ออสเตรเลียแล้ว นิทรรศการครั้งนี้จะนำแคมเปญโฆษณาที่ประสบความสำเร็จ

ออกแบบ และมีแนวคิดอันแปลกใหม่ที่สุดของ Gucci จากวิสัยทัศน์ของ Alessandro Michele มาถ่ายทอดใหม่ โดยนิทรรศการที่กำลังจัดขึ้นที่ซิดนีย์นี้ถือว่าเป็นลำดับที่ 7 หลังจากที่จัดมาแล้วในเซี่ยงไฮ้ ไทเป ฮ่องกง โตเกียว และโซล จากความหมายของคำว่า Archetype ที่กล่าวถึงรูปลักษณ์ดั้งเดิม มีเพียงหนึ่งเดียวและจะไม่ถูกสร้างอีกครั้ง เป็นต้นแบบของสำเนาที่ตามมาทั้งหมด แคมเปญโฆษณาทุกแคมเปญของ Gucci ล้วนกล่าวถึงห้วงเวลาอันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งจะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณของแต่ละคอลเล็คชั่น สะท้อนถึงความเป็นหนึ่งเดียว และถ่ายทอดปรัชญาแห่งความกล้าหาญและเสรีของ Alessandro Michele ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Gucci นั่นเอง Gucci Garden Archetypes จะเจาะลึกลงไปสู่แรงบันดาลใจอันหลากหลาย ทั้งจากโลกแห่งเสียงดนตรี ศิลปะ การเดินทาง และป๊อปคัลเจอร์ ที่สะท้อนออกมาผ่านแคมเปญโฆษณาของ Gucci “ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าสนใจที่จะเปิดให้ผู้คนเข้ามาสัมผัสกับการผจญภัยอันยาวนานเกือบแปดปีนี้ และเชิญทุกคนให้ก้าวเข้ามาสู่จินตนาการ เรื่องเล่า สิ่งเหนือความคาดหมาย และความหรูหรา ดังนั้น ผมจึงได้สร้างสนามเด็กเล่นทางอารมณ์อันหลากหลาย ที่จะสะท้อนความรู้สึกที่อยู่ในแคมเปญเหล่านั้น เพราะนั่นจะเป็นการเดินทางที่ชัดเจนที่สุดไปสู่โลกแห่งจินตนาการของผม” Alessandro Michele กล่าวในฐานะภัณฑารักษ์ของนิทรรศการนี้ เทคโนโลยีสุดล้ำยุค งานฝีมืออันแสนวิจิตร และงานออกแบบภายในที่แปลกใหม่ ร้อยเรียงร่วมกันจนถือกำเนิดเป็นเรื่องราวที่แตกต่างภายในโลกที่ชวนดื่มด่ำ ซึ่งทั้งหมดออกแบบโดยสตูดิโอ Archivio Personale จากการแปลงวิสัยทัศน์ของ Alessandro Michele ให้กลายเป็นพื้นที่บอกเล่าเรื่องราวซึ่งทั้งสะท้อนและส่งเสริมวิสัยทัศน์สร้างสรรค์ของเขาในเวลาเดียวกัน เมื่อก้าวเข้าสู่นิทรรศการ ผู้เยี่ยมชมจะได้รับประสบการณ์ที่เสมือนการชมงานเบื้องหลังผ่านทางห้องปฏิบัติการ ที่จะถ่ายทอดบรรยากาศสดภายในห้องจัดแสดงผ่านจอแสดงผลแบบแยก ภายในนิทรรศการ พื้นที่ที่ถูกแบ่งเป็นธีมต่างๆ มากมายจะปลุกโลกที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนของแคมเปญโฆษณาของ Gucci ให้ดูมีชีวิตขึ้นมาในทันใด

นิทรรศการมัลติมีเดียที่ผสานโลกเสมือนจริง

“ทาง Powerhouse รู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เป็นสถานที่จัดนิทรรศการ Gucci Garden Archetypes ในซิดนีย์ ออสเตรเลีย Alessandro Michele ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ผู้เลิศล้ำของ Gucci ได้นำเอาแง่มุมของแฟชั่นที่เกี่ยวข้องกับงานศิลปะ ดนตรีและสร้างสรรค์นิทรรศการที่จะนำผู้ชมไปสู่การเดินทางที่หลอมรวมโลกแห่งความจริงและโลกเสมือนเข้าด้วยกัน

เป็นดั่งการเดินทางที่ท่องไปท่ามกลางแรงบันดาลใจเบื้องหลังแคมเปญโฆษณามากมาย ซึ่งกลายเป็นไอคอนของแบรนด์แฟชั่นเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงก้องโลก” Lisa Havilah ผู้บริหารสูงสุดของ Powerhouse กล่าวถึงงานนิทรรศการครั้งนี้ นอกจากนี้ ผู้ชมนิทรรศการยังจะได้เข้าชมสวนสวรรค์แห่งดอกไม้หอมอย่าง Gucci Bloom สวนลับในจินตนาการที่กลายมาเป็นสถานที่แห่งเสรีภาพสำหรับเซเลบริตี้ทั้งสาม ได้แก่ นักแสดงสาว Dakota Johnson ศิลปินและช่างภาพ Petra Collins และนักแสดง/นางแบบ Hari Nef ด้วยบุคลิกที่มีเสน่ห์และโดดเด่นไม่ซ้ำแบบใคร ทั้งสามจะทำหน้าที่เป็นบุกเบิกวิสัยทัศน์ใหม่ของ Alessandro Michele ในการตีความหมายของสตรีในโลกยุคปัจจุบัน ภาพวาดกราฟิตีบนฝาผนังนั้นนำมาจากแคมเปญก่อนฤดูใบไม้ร่วงปี 2018 ที่อุทิศให้กับเยาวชนของปารีสในเหตุการณ์ ‘May 68’ ซึ่งตรงกับวาระครบรอบ 50 ปีของเหตุการณ์ดังกล่าว อีกหนึ่งแคมเปญที่ถูกนำมารังสรรค์ขึ้นใหม่ในนิทรรศการครั้งนี้คือ The Beloved Show ซึ่งเล่าฉากของดาราระดับเอลิสต์ของฮอลลีวูดหยอกล้อกับพิธีกรรายการทอลค์โชว์ช่วงดึก โดยมีฉากหลังเป็นทิวทัศน์ของเมืองซิดนีย์ พร้อมอวดกระเป๋าถือจากคอลเล็คชั่น Beloved ทั้งสี่รุ่น ได้แก่ Dionysus, Horsebit 1955 และ Jackie 1961 สุดคลาสสิคทั้งสี่รุ่นของ ข่าวออกแบบ Gucci ซึ่งล้วนแต่เป็นกระเป๋าที่มีเรื่องราวของตนเองทั้งสิ้น แคมเปญของคอลเล็คชั่นอันน่าหลงใหลจาก Fall Winter 2018 จะครองพื้นที่จากพื้นจรดเพดานขณะที่ผู้มาชมนิทรรศการไม่อาจละสายตาจากชั้นที่เต็มไปด้วยนาฬิกานกกาเหว่า (Cuckoo Clock) นับร้อยๆเรือน เครื่องถ้วยเซรามิคและกระเป๋ารุ่น Marmont นอกจากนี้ ผู้ชมยังจะได้พบตัวเองอยู่ในฉากของห้องน้ำในไนต์คลับยุค 80 จากแคมเปญ Spring Summer 2016 อีกด้วย

ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการจัดงานแสดงสินค้าระดับอาเซียน

เตรียมพบกับ “สถาปนิก’65” งานแสดงเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างใหญ่ที่สุดในอาเซียน ครั้งที่ 35 จัดโดย สมาคมสถาปนิกสยาม

ออกแบบ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับ บริษัท ทีทีเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หลังจากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ประกาศอย่างเป็นทางการให้ ทีทีเอฟ เป็นผู้จัดงาน “สถาปนิก’65-67” ทีทีเอฟ ได้เดินหน้าเตรียมพร้อมรวบรวมนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มาร่วมจัดแสดงให้ได้ชมอย่างหลากหลายในงานครั้งนี้ สำหรับงานสถาปนิก’65 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 เม.ย. – 1 พ.ค. 65 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี คุณศุภแมน มรรคา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีทีเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เผยถึงความพร้อมและแนวทางในการจัดงานสถาปนิก’65 ว่า “ทีทีเอฟ มีความยินดีเป็นอย่างมาก ที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้จัดงานสถาปนิก’65 ซึ่งถือเป็นเวทีธุรกิจที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง เพราะเป็นช่องทางในการสร้างโอกาสแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร รวมถึงชี้เทรนด์ การออกแบบสถาปัตยกรรมในอนาคต และยังรวมบุคคลในวงการก่อสร้างไว้มากที่สุด ซึ่งตลอด 6 วันของการจัดงาน ผู้แสดงสินค้าจะได้เจอกับกลุ่มเป้าหมายในวงการ ทั้งสถาปนิก, วิศวกร, ผู้รับเหมา, นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตัวแทนจำหน่ายวัสดุ รวมไปถึงอาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับงานออกแบบตกแต่ง เพราะฉะนั้นการเข้าร่วมงานสถาปนิก ถือเป็นโอกาสที่จะได้โชว์นวัตกรรมของแบรนด์นั้น ๆ สู่ตลาด และเป็นการทำการตลาดกับกลุ่มเป้าหมายโดยตรงที่มีประสิทธิภาพที่สุด” “กว่า 35 ปี ที่ทาง ทีทีเอฟ จัดงานสถาปนิก เรามีการพัฒนารูปแบบการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด ทั้งการขยายกลุ่มผู้แสดงสินค้าไปยังธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่อง รวมทั้งกลุ่มจากต่างประเทศ จนกลายเป็นงานใหญ่ระดับภูมิภาคอาเซียน แม้ในช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมาทำให้ธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้าได้รับผลกระทบ แต่ทาง ทีทีเอฟ เองก็ไม่หยุดนิ่ง มีการปรับตัวและพัฒนาให้สอดรับกับสถานการณ์ ด้วยการมุ่งพัฒนาสื่อออนไลน์ในรูปแบบ Digital Showroom ให้กับลูกค้าพันธมิตรของบริษัท เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายสามารถค้นหาข้อมูลวัสดุก่อสร้างได้ตลอดเวลา และให้ผู้แสดงสินค้ามีโอกาสในการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์-บริการตลอดทั้งปี รวมทั้งมีการจัดสัมมนาออนไลน์เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ในวงการก่อสร้างอยู่ตลอดเวลา”

ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการจัดงานแสดงสินค้าระดับอาเซียน

งานแสดงสินค้าในกลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้างประเภท B2B ยังคงเป็นเวทีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับผู้แสดงสินค้าและผู้เข้าชมงาน เพราะเป็นโอกาสที่ผู้ซื้อและผู้ขายจะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์

ได้สัมผัสกับสินค้าโดยตรง อีกทั้งกลุ่มเป้าหมายยังต้องการคำอธิบายจากทีมขายหรือทีมเทคนิคในเชิงลึก ข่าวออกแบบ โดยเฉพาะเรื่องคุณสมบัติที่เหมาะสมต่อการนำไปใช้งาน อีกทั้งปัจจัยเรื่องจำนวนการสั่งซื้อ ซึ่งเป็นข้อจำกัดของการซื้อขายแบบออนไลน์ ดังนั้นงานแสดงสินค้าแบบออนกราวด์ยังคงจำเป็นสำหรับกลุ่มวัสดุก่อสร้าง แต่หลังจากนี้คาดว่ารูปแบบการจัดงานจะพัฒนาไปเป็น ไฮบริดอีเวนต์ หรือการทำงานควบคู่กันทั้งแบบ ออนกราวด์และออนไลน์ เพื่อนำเสนอเนื้อหาประชาสัมพันธ์ให้กับคนในวงการได้ตลอดทั้งปี ไม่เฉพาะแค่ภายในงานเท่านั้น และจะใช้รูปแบบนี้เป็นมาตรฐานของการจัดงานในอนาคต” “จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ทำให้การจัดงานสถาปนิกต้องหยุดชะงักไปถึง 2 ปี ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการและลูกค้าที่เป็นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่ขาดโอกาสในการแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ และการต่อยอดทางธุรกิจ เนื่องจากที่ผ่านมาการจัดงานสถาปนิกสามารถสร้างและกระตุ้นเม็ดเงินสะพัดในวงการก่อสร้างได้ถึงปีละกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท ซึ่งทางสมาคม ฯ และทาง ทีทีเอฟ เอง ได้มองเห็นถึงความสำคัญของเรื่องนี้มาโดยตลอด และเตรียมพร้อมที่จะจัดงานสถาปนิกอีกครั้ง หลังจากสถานการณ์ภาพรวมของประเทศเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ทั้งจำนวนประชากรที่ได้รับวัคซีนมากขึ้นทั้งแบบ 1 เข็ม 2 เข็ม หรือบางส่วนเตรียมฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 และรัฐบาลได้ออกมาตรการคลายล็อกดาวน์เบื้องต้นแล้ว โดยทางสมาคม ฯ ได้เตรียมกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งด้านวิชาการและอื่น ๆ อีกมากมาย ที่จะส่งเสริมผู้ชมงานจากหลายสาขาอาชีพ รวมถึง ทีทีเอฟ เองก็เตรียมพื้นที่จัดแสดงพิเศษ ที่จะเป็นไฮไลท์ของงานสถาปนิก’65 พร้อมผลักดันให้งานสถาปนิกทัดเทียมกับงานในยุโรป และตอกย้ำความเป็นเบอร์ 1 ของภูมิภาคอาเซียนตอนนี้มีผู้แสดงสินค้าตอบรับเข้าร่วมงานแล้วกว่า 50% อาทิ กลุ่มพันธมิตรวัสดุก่อสร้าง, CONNEXT Group, LIXIL Group, Makita, CNP PLASTIC INDUSTRIES, EDL Laminates, UMI และ TPS Garden ซึ่งแต่ละแบรนด์เตรียมขนทัพนวัตกรรม พร้อมด้วยกิจกรรมที่บูธมาให้ผู้ชมงานอย่างครบครันนอกจากนี้ ทาง ทีทีเอฟ มั่นใจว่างานสถาปนิกปีหน้าจะได้มีโอกาสต้อนรับผู้แสดงสินค้าจากต่างประเทศอย่างแน่นอน โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งตามที่คาดการณ์ไว้สัดส่วนพื้นที่จัดแสดงของต่างประเทศจะอยู่ที่ราว 5% หากไม่ติดขัดในเรื่องระเบียบการเดินทาง การกักตัว ฯลฯทั้งนี้ ทีทีเอฟ ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยและสุขอนามัยของผู้แสดงสินค้าและผู้ชมงานเป็นอย่างมาก จึงกำหนดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐานของ ศบค. มีการตรวจสอบผู้เข้าพื้นที่การจัดงานอย่างเข้มข้น และกำหนดจำนวนผู้เข้าชมในแต่ละช่วงเวลาเพื่อรักษาระยะห่าง นอกจากนี้ ทีทีเอฟ จะมีการอัปเดตมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 กับหน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องอยู่ตลอดเวลา

แนะนำข่าวออกแบบ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : เบื้องหลังชุดมหัศจรรย์ พ่นสเปรย์เป็นผืนผ้า บนเรือนร่าง เบลลา ฮาดิด

เบื้องหลังชุดมหัศจรรย์ พ่นสเปรย์เป็นผืนผ้า บนเรือนร่าง เบลลา ฮาดิด

ชุดฮือฮาเป็นคลิปไวรัล มีเบื้องหลังวิทยาศาสตร์ผสานศิลปะ และได้ยอดนางแบบ เบลลา ฮาดิด มาเพิ่มความปัง

ออกแบบ วันที่ 4 ตุลาคม 2565 ซีเอ็นเอ็น รายงานเบื้องหลังชุดฮือฮา ตรึงผู้คนให้จับจ้องซูเปอร์โมเดล เบลลา ฮาดิด แทบไม่กะพริบตา กับชุดฟินาเล ราวกับต้องมนต์ ด้วยเทคนิคพ่นสเปรย์ให้กลายเป็นผืนผ้าต่อหน้าผู้ชม งานปารีส แฟชั่น วีก เริ่มเนรมิตชุดให้ เบลลา ฮาดิด ปารีส แฟชั่น วีก September 30, 2022. (Photo by JULIEN DE ROSA / AFP) ชุดนี้เป็นแบรนด์ Coperni ของฝรั่งเศส คอลเล็กชั่นสปริง–ซัมเมอร์ 2023 มาเนล ตอร์เรส แฟชั่นดีไซเนอร์ชาวสเปน แสดงให้เห็นเทคโนโลยี Fabrican เมื่อพ่นสเปรย์ของเหลวสีขาว กลายเป็นวัสดุสวมใส่คล้ายผ้าในทันที การแสดงสะกดทุกสายตาอยู่เกือบ 10 นาที ระหว่างที่ตอร์เรสและทีมออกแบบของ Coperni ดีไซน์แบบสด ๆ ก่อนที่ชาร์ลอตต์ เรย์มอนด์ หัวหน้าฝ่ายออกแบบเดินขึ้นมาบนเวทีและปรับสไตล์ให้ดูดี ม้วนแขนเสื้อลงมาเป็นชุดเดรสเกาะอกและเพิ่มความเซ็กซี่อีกนิดด้วยการใช้กรรไกรผ่าข้างกระโปรงสูงถึงต้นขา ชุดไร้ตะเข็บและไม่มีขอบ เมื่อมองไกล ๆ เหมือนเนื้อผ้าเจอร์ซีย์ที่ให้ความเคลื่อนไหวคล่องตัว แต่เมื่อฮาดิดเดินรอบรันเวย์แล้ว เห็นผิวสัมผัสของผ้านุ่มนวลราวกับหยดน้ำ ตกแต่งให้ชุดสวย US model Bella Hadid is dressed by spraying foam during the Coperni Spring-Summer 2023 (Photo by JULIEN DE ROSA / AFP)
ชุดจากนวัตกรรม เซบาสเตียน เมเยอร์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Coperni กล่าวว่า ใช้ชุดเดรสนี้ซ้ำได้ เมื่อใช้งานแล้ว เพียงใส่ไม้แขวนเสื้อ แต่ถ้าไม่อยากใช้งานอีกต่อไป ก็เพียงแต่นำชุดไปใส่ของเหลวและฉีดพ่นสเปรย์อีกครั้ง วัสดุนวัตกรรมนี้พัฒนามาตั้งแต่ต้นสหัสวรรษ เส้นใยสั้น ๆ พันกับโพลีเมอร์จากธรรมชาติและสังเคราะห์ จากนั้นผสมกับตัวทำละลายของเหลวซึ่งระเหยทันทีเมื่อกระทบกับผิวหนังหรือพื้นผิวอื่น ๆ และเนื้อผ้ายังมีความหลากหลายตามชนิดของไฟเบอร์สารยึดเกาะที่ใช้ชุดเดรสสีขาวนี้ไม่มีขาย เมเยอร์กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือการผลักดันเทคโนโลยีและการออกแบบ เพื่อสร้างหน้าประวัติศาสตร์วงการแฟชั่นในบรรดาผู้ชมที่ชื่นชอบมาก ส่งเสียงเชียร์ดังลั่น ได้แก่ ไคลี เจนเนอร์ แฌน ดามาส์และอเล็กซา ชุง ขณะที่คลิปไวรัลอย่างรวดเร็ว

เบื้องหลังชุดมหัศจรรย์ พ่นสเปรย์เป็นผืนผ้า บนเรือนร่าง เบลลา ฮาดิด
อาร์โนลด์ วายองต์ ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งของ Coperni กล่าวว่า ไม่ได้ทำเงินจากสิ่งนี้ แต่เป็นการฉลองนวัตกรรมและเป็นความหลงใหล ซึ่งจะส่งแรงให้แฟชันเดินไปข้างหน้า

Coperni ก่อตั้งในปี 2013 มักจะผสมผสานแฟชั่นเข้ากับศิลปะ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ข่าวออกแบบ และงานหัตถกรรม เมื่อต้นปีนี้ แบรนด์ขึ้นข่าวดังด้วยกระเป๋าแก้วเป่ามือที่ Doja Cat ถือเข้าไปในงานแกรมมี กระเป๋าใบนี้มีชื่อว่า Swipe ตามลักษณะการปลดล็อกโทรศัพท์มือถือไอโฟนด้วยการปัดหน้าจอ ส่วนรันเวย์ซีซั่นนี้ Coperni เปิดตัวกระเป๋าทำจากทองคำ 18 กะรัต ซึ่งจะหลอมหลังจากจบการแสดงเพื่อนำไปใช้ในโปรเจ็กต์อื่น ๆ กาเบรียล เวเนรี ศิลปินกล่าวว่าทำกระเป๋าตามสั่งได้ สำหรับชุดฟินาเลของแบรนด์เมื่อวันศุกร์ที่ 30 ก.ย. ชวนให้คิดถึงชุดของ อเล็กซานเดอร์ แม็กควีน ออกแบบในคอลเล็กชั่นสปริง 1999 ตอนนั้นนางแบบ ชาลอม ฮาร์โลว์ สวมชุดเดรสฟูฟ่องสีขาว มีหุ่นยนต์พ่นสี 2 ตัวหมุนไปมาเกิดเป็นลวดลาย แต่เมเยอร์และวายาต์ย้ำว่า ผลงานของพวกเขาไม่ได้อ้างอิงจากแม็กควีน เมเยอร์ ผู้เรียกตัวเองว่า “geek” (ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี) ค้นพบเทคโนโลยี Fabrican เมื่อท่องอินเทอร์เน็ตและเริ่มทำงานกับตอร์เรส 6 เดือนก่อนเปิดตัวคอลเล็กชั่นนี้ เทคโนโลยีนี้เพิ่งจะพัฒนาในระยะเริ่มต้นสำหรับอุตสาหกรรมแฟชั่น แต่มีศักยภาพสำหรับภาคส่วนอื่น ๆ เช่น สาธารณสุข ซึ่งเคยใช้ผลิตหน้ากากอนามัย ชุดป้องกันพีพีอี เฝือก และผ้าพันแผลคอลเล็กชั่นสปริง–ซัมเมอร์ใหม่ของ Coperni มีผ้าพิมพ์ภาพโฮโลแกรมลายดอกไม้บนไวนิลที่ติดอยู่บนเสื้อแจ็กเกต นำคัพบรามาดัดแปลงเป็นแผ่นหนุนไหล่ ผ้าไฮเทคที่ใส่คู่กับกางเกงขาสั้นเอวสูงและชุดเดรสรัดรูป เหมือนที่ ไคลี เจนเนอร์ เคยสวมใส่ในการแสดงเมเยอร์กล่าวว่า พิมพ์ผ้าโดยใช้วิดีโอดอกไม้บ้าน จากนั้นจับภาพวิดีโอใส่ซอฟต์แวร์เพื่อพิมพ์ ซึ่งใช้เทคนิคมาก และตามปกติแล้ว Coperni ไม่ค่อยหยิบลายดอกไม้มาใช้เพราะดูเป็นผู้หญิงเกินไป แต่ชอบความตรงข้ามระหว่างผ้าไฮเทคกับความโรแมนติกของดอกไม้ ทำให้ดูเป็นโรแมนติกสมัยใหม่

แนะนำข่าวออกแบบ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : เปิดตัวตู้หยอดรับทรัพย์ “CircularOne” นวัตกรรมรับคืนขวด เครื่องแรกในไทย

เปิดตัวตู้หยอดรับทรัพย์ “CircularOne” นวัตกรรมรับคืนขวด เครื่องแรกในไทย

SUSTAINTECH สตาร์ทอัปผู้พัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม เปิดตัวเครื่อง “CircularOne” หรือ ตู้หยอดรับทรัพย์ รับคืนบรรจุภัณฑ์เครื่องแรกในไทย

ออกแบบ ที่สามารถรองรับขวดประเภทต่าง ๆ และจัดเก็บในสภาพสมบูรณ์เพื่อนำไปรียูสและรีไซเคิลแบบอัตโนมัติ หรือ Reverse Vending Machine พร้อมจับมือบริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จํากัด นำเทคโนโลยีคลาวด์ และ AI มาใช้ในการตรวจสอบคุณภาพวัสดุ และคัดแยกประเภทบรรจุภัณฑ์ทั้งขวดพลาสติกใส กระป๋องอะลูมิเนียม รวมถึงขวดแก้วเพื่อให้การทำงานของนวัตกรรมดังกล่าวมีความแม่นยำ สามารถนำไปรีไซเคิล หรือ รียูส ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการคืนกำไรให้กับผู้ที่ร่วมนำบรรจุภัณฑ์มาคืนในรูปแบบต่าง ๆ เพียงแค่หยอดขวด / บรรจุภัณฑ์ในตู้ จะสามารถเลือกรับเป็นเงิน หรือรับคะแนนสะสมเพื่อไปแลกรับส่วนลดจากร้านค้าหรือผู้ให้บริการผ่านการแสกนคิวอาร์โค้ดง่าย ๆ โดย CircularOne หรือตู้หยอดรับทรัพย์ มีแผนติดตั้งในหลากหลายพื้นที่ เช่น อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ แหล่งที่พักอาศัย สถานศึกษา โรงแรม ร้านอาหาร ฯลฯ นอกจากนี้ ผู้ที่สนใจนำเครื่อง CircularOne หรือตู้หยอดรับทรัพย์ไปติดตั้งในพื้นที่ของท่านสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ นายจิราวัฒน์ ตั้งกิจชัยวัฒน์ Founder & CEO และสตาร์ทอัป SUSTAINTECH เปิดเผยว่า ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษในปีที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่าปริมาณขยะมูลฝอยรวมถึงขยะบรรจุภัณฑ์ยังคงมีปริมาณสูงเฉียด 25 ล้านตัน ซึ่งเป็นตัวการสำคัญต่อประเด็นทางด้านสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจก ปัญหาขยะอุดตันที่ส่งผลต่อระบบระบายน้ำ การอุบัติขึ้นของโรคใหม่ ๆ ฯลฯ และทั้งหมดล้วนส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ เศรษฐกิจ และสังคม ทั้งนี้ในส่วนของประเภทบรรจุภัณฑ์พบว่า กลุ่มที่บรรจุเครื่องดื่มยังคงมีปริมาณการผลิตที่เพิ่มมากขึ้นแต่กลับไม่ได้รับการหาทางออกหรือมีนวัตกรรมที่ช่วยรักษาระบบนิเวศได้ดีเท่าที่ควร ดังนั้น SUSTAINTECH จึงได้คิดค้น “เซอร์คูล่าร์วัน : CircularOne” นวัตกรรมรับคืนบรรจุภัณฑ์เพื่อนำไปรียูสและรีไซเคิลแบบอัตโนมัติ หรือ Reverse Vending Machine รุ่นแรกของประเทศไทยซึ่งมีความสามารถรับคืนขวดพลาสติกใส กระป๋องอลูมิเนียม ขวดแก้ว และจัดเก็บไว้ในสภาพสมบูรณ์

เปิดตัวตู้หยอดรับทรัพย์ “CircularOne” นวัตกรรมรับคืนขวด เครื่องแรกในไทย

“CircularOne หรือตู้หยอดรับทรัพย์ เป็นนวัตกรรมคืนบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อลดการผลิตและเพิ่มการนำกลับมาใช้ใหม่

ซึ่งเมื่อทำการศึกษาในประเทศไทยจะพบได้ว่าบรรจุภัณฑ์ที่นำกลับมาใช้ใหม่ยังไม่ได้ถูกใช้อย่างแพร่หลาย ข่าวออกแบบ แตกต่างจากกระบวนการผลิตที่ยังคงเพิ่มขึ้นตามอุปสงค์การบริโภค ทั้งนี้ กลไกการทำงานของ CircularOne หรือตู้หยอดรับทรัพย์จะเป็นแพลตฟอร์มที่สร้างการมีส่วนร่วมระหว่างผู้ผลิต ผู้ใช้ ผู้รับซื้อ และผู้รีไซเคิลด้วยการเป็นจุดรับคืนขวด ส่งต่อสู่กระบวนการใช้ซ้ำโดยที่ไม่ทำให้เกิดความเสียหายหรือเรียกได้ว่าแทบจะอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์เมื่อรับมาจากผู้บริโภค โดยยังได้จับมือกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลกอย่าง เทนเซ็นต์: Tencent ในการนำระบบ Tencent Cloud มาใช้เพื่อจัดเก็บข้อมูลอย่างปลอดภัยและ AI เพื่อตรวจสอบคุณภาพและคัดแยกประเภทของบรรจุภัณฑ์โดยละเอียดและแม่นยำ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถส่งต่อไปยังผู้ประกอบการหรือผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ที่มีเจตจำนงในการนำขวดที่ใช้แล้วมารียูสหรือรีไซเคิลเพื่อนำกลับมาจัดจำหน่ายใหม่ในรูปแบบที่มีความปลอดภัย โดยที่ไม่สร้างผลกระทบต่อผู้บริโภคและระบบนิเวศนอกจากนี้ กลไกการทำงานของ CircularOne หรือตู้หยอดรับทรัพย์ ยังสามารถรองรับการคืนกำไรและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ที่ร่วมนำบรรจุภัณฑ์มาคืน ณ จุดให้บริการต่าง ๆ ซึ่งเมื่อหยอดขวด / บรรจุภัณฑ์ใส่ในตู้ดังกล่าว จะสามารถเลือกรับเป็นเงิน หรือคะแนนสะสมเพื่อไปแลกรับส่วนลดจากร้านค้า หรืออื่น ๆ ผ่านการแสกนคิวอาร์โค้ดง่าย ๆ ทำให้บริการของ CircularOne เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของทุก ๆ คน ในทุก ๆ วันได้”