มาตรการป้องกันและควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา

ที่ทำการคณะกรรมการการศึกษาเล่าเรียนพื้นฐาน ขอความร่วมมือโรงเรียนในสังกัด สำหรับเพื่อการเคลื่อนวิธีการป้องกันแล้วก็ควบคุมยาสูบกระแสไฟฟ้าในโรงเรียน 

มาตรการป้องกันและควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา

ข่าว จากที่กรมควบคุมโรค โดยกองงานคณะกรรมการควบคุมสินค้ายาสูบ ได้ผสาน ความร่วมแรงร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ/ภาคเอกชน และก็แนวร่วมโครงข่ายที่เกี่ยวโยง สำหรับในการขับการดำเนินงานคุ้มครองปกป้อง ควบคุมการบริโภคยาสูบในกรุ๊ปเด็ก แล้วก็เยาวชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงเรียน อีกทั้งเชิงแนวทางและก็การจัดการ โรงเรียนปราศจากยาสูบ ตามพ.ร.บ.ควบคุมสินค้ายาสูบ พุทธศักราช ๒๕๖๐ แล้วก็ตามแผนที่มีความสำคัญในการรบ การควบคุมยาสูบแห่งชาติ ฉบับลำดับที่สาม พุทธศักราช ๒๕๖๕ – ๒๕๗ㆍ ภายใต้ที่มีความสำคัญในการรบที่ ๒ คุ้มครองปกป้องไม่ให้กำเนิดผู้เสพ ยาสูบรายใหม่ และก็เฝ้าระวังธุรกิจยาสูบ สำหรับในการคุ้มครองปกป้องนักดูดคนใหม่ โดยการให้ความรู้ความเข้าใจ ความประจักษ์แจ้งถึงภาวการณ์เสพติด และก็อันตรายรุนแรงของสินค้ายาสูบ รวมถึงจำกัดการเข้าถึงสินค้ายาสูบรวมทั้งเฝ้าระวังธุรกิจยาสูบ ข่าวการศึกษา รวมทั้งผู้ที่มีการเกี่ยวข้อง นั้น ที่ทำการคณะกรรมการการศึกษาเล่าเรียนขั้นต้นใคร่ครวญแล้ว เพื่อเป็นการคุ้มครองป้องกันการเข้าถึง สินค้ายาสูบ รวมทั้งสร้างวิชาความรู้ ความรู้ความเข้าใจในโทษอันตรายของสินค้ายาสูบทุกแบบ ก็เลยขอความร่วมมือ สำนักงานเขตพื้นที่การเรียน แจ้งโรงเรียนในสังกัดสำหรับในการเคลื่อนวิธีการป้องกันรวมทั้งควบคุมยาสูบกระแสไฟฟ้า ในโรงเรียนถัดไป ดังนี้ สามารถถามไถ่ข้อมูลอื่นๆพอดี กองงานคณะกรรมการควบคุมสินค้ายาสูบ เนื้อหาตามสิ่งที่ส่งมาด้วย

แนะนำข่าวการศึกษา อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : มหา’ลัยแห่เปิดหลักสูตร ESG ปริญญาโทมหิดลเรียนปีครึ่ง 4 แสน

มหา’ลัยแห่เปิดหลักสูตร ESG ปริญญาโทมหิดลเรียนปีครึ่ง 4 แสน

มหา’ลัยเมืองแห่เปิดหลักสูตร ESG รับเทรนด์ธุรกิจโลก เจาะกรุ๊ปประธานแบบใหม่ ซีอีโอบริษัทชั้นหนึ่งเข้าห้องเรียน อีกทั้งหลักสูตรปริญญาโทหลักสูตรเร่งรัด ตั้งแต่ เดือน-1.5 ปี 

ข่าวหิดล-มัธยมเกษตรฯ-นิด้านำกองทัพ ชันหัวนเน็กชั่น-เน็ตเวิร์กเป็นจุดขาย ราคาค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนตลอดหลักสูตร 1-4 แสนกว่าบาท ช่วงนี้กระบวนการปรับปรุงอย่างยั่งยืน (sustainable developmemt-SD) โดยยิ่งไปกว่านั้นในหัวข้อที่เกี่ยวกับสภาพแวดล้อม (E-environment), สังคม (S-social) รวมทั้งธรรมาภิบาล (G-governance) หรือ ESG กำลังได้รับความพอใจอย่างมากมาย และไม่เฉพาะบริษัทในต่างถิ่นแค่นั้น ผลนี้ก็เลยทำให้หน่วยงานด้านความยั่งยืนและมั่นคงของบริษัทลงทะเบียนในตลาดหุ้นฯ ต่างส่งประธานระดับกึ่งกลางบน เข้าอบรมหลักสูตร ESG โดยตลอด ไม่เว้นแต่ว่ามหาวิทยาลัยของเมืองที่ต่างเปิดหลักสูตรการพัฒนาอย่างยั่งยืน และก็หลักสูตร ESG อย่างมีชีวิตชีวา เพราะเหตุว่าการผลิต มนุษย์ ESG” น่าจะเป็นแนวทางเดียวที่จะทำให้หน่วยงานล้ำสมัย ไม่ตกกระแสของโลก ทั้งช่วยปรับให้ นักเรียน” มีความรู้ความสามารถแบบ สหวิทยาการ” เพื่อมาช่วยบริษัทแปลงกายเป็น หน่วยงานสีเขียวดร.ณัฐวุฒิ พิมพา ผู้ช่วยคณบดีข้างความยั่งยืนมั่นคง วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) เผย ประเทศชาติธุรกิจ” ว่า CMMU มีหลักสูตรปริญญาโท สาขา Managing For Sustainability (MFS) ซึ่งเป็นหลักสูตรนานาประเทศ 

มหา’ลัยแห่เปิดหลักสูตร ESG ปริญญาโท

ก่อตั้งขึ้นเพื่อสร้างนักบริหารแบบใหม่ในศาสตร์ที่อนาคตเพื่อการพัฒนาธุรกิจสู่ความมั่นคงยั่งยืน รวมทั้งปรับปรุงพนักงาน ผู้ประกอบกิจการ ประธานให้มีความชำนาญด้านความคงทนถาวร 

สู่การนำองค์วิชาความรู้ไปปรับปรุงธุรกิจด้านต่างๆโดยมีเค้าโครงความคิดให้ตระหนักถึง ESG เพื่อครอบคลุมสภาพแวดล้อม สังคม แล้วก็ธรรมาภิบาล สำหรับหลักสูตรมีการปรับปรุงมาโดยตลอด จนถึงปี 2565 CMMU ก็เลยจุดโฟกัสไปที่การผลิตนักคิดแผนรวมทั้งนักทำการ โดยปี 2565 ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมามีนักศึกษาเล่าเรียนสมัครสำหรับเข้าเรียนทั้งผอง คน แล้วก็ทุกคนล้วนมาจากสายอาชีพ ทั้งยังวิศวกรนักออกแบบ และก็ข้างวิธีการของบริษัท ด้วยเหตุนั้น เมื่อพวกเขาจบการศึกษาก็เลยนำวิชาความรู้ไปใช้ได้โดยทันที ระหว่างที่ข้อดีของหลักสูตร ข่าวการศึกษา นอกเหนือจากที่จะเจาะเรื่องความชำนาญการทำงานในสาย ESG อย่างสมบูรณ์ พวกเรายังสอนเรื่องหนทางในการพัฒนาที่หน่วยงานต่างๆยังไม่เห็น เอาง่ายๆพวกเราอุตสาหะจับเรื่องใหม่ๆยกตัวอย่างเช่น การจัดการสภาพแวดล้อมแบบสากลแรงงานวัสดุการประมาณความประเมินความเสมอภาคทางเพศชาติ ศาสนาในหน่วยงาน ซึ่งข้อมูลพวกนี้พวกเราได้องค์วิชาความรู้มาจากภาคธุรกิจ รวมทั้งหน่วยงานต่างแดนที่เป็นผู้ช่วยเหลือกับพวกเรารศ.ดร.ณัฐวุฒิกล่าวว่ากล่าว ในตอนนี้ตลาดค้าหุ้นฯ เริ่มตั้งปัญหากับภาคการศึกษาว่า ทำเรื่อง ESG บ้างหรือยัง ซึ่งจริงๆก็มีหลายมหา’ลัยที่เปิดหลักสูตรต่างๆพวกนี้ขึ้นมา หากแม้โดยมากจะเป็นระดับปริญญาโทก็ตาม รวมทั้งก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาหลักสูตรที่ผลิตเจ้าหน้าที่ทางด้าน ESG กระจัดกระจายอยู่ในหลายสาขา ส่วนตัวผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่วิทยาลัยการจัดการ หิดล อาจจะต้องเดินเรื่องนี้อย่างเอาจริงเอาจัง

แนะนำการศึกษา อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : คุณครูรับอึดอัดใจ จะต้องทำโพลลงคะแนน 

คุณครูรับอึดอัดใจ จะต้องทำโพลลงคะแนน 

อาจารย์กรมการศึกษานอกโรงเรียน’ รับพบสั่งจริง ลงชุมชนทำโพลลับ อึดอัดหวั่นหวาดผลสรุป ทำประชาชนถูกขู่เข็ญ

ข่าว นางสาวนี (นามปากกาคุณครู กรมการศึกษานอกโรงเรียนรายหนึ่งใน จังหวัดจังหวัดเชียงใหม่ เผยถึงกรณีเจ้าหน้าที่รัฐร้องพรรคก้าวหน้า (กรัมกรัมว่าถูกฝ่ายบริหาร กรมการศึกษานอกโรงเรียนระดับที่ค่อนข้างสูงสั่งให้ทำโพลลงคะแนน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่า ส่วนตัวรู้สึกอึดอัด คับแค้นใจกับแนวทางดังที่กล่าวถึงมาแล้ว เนื่องจากว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจำต้องวางตัวเป็นกลางด้านการเมือง ที่สำคัญไม่กลายเป็นวัสดุฝ้ายข้างใดข้างหนึ่ง แม้กระนั้นในฐานะคุณครู แล้วก็คณะกรรมการการเล่าเรียนระดับตำบล จำต้องสนองนโยบายดังที่กล่าวมาข้างต้น โดยให้ความรู้ความเข้าใจแก่นักศึกษาเล่าเรียน กรมการศึกษานอกโรงเรียนจำนวนมากเป็นพลเมืองทั่วๆไป ตามหลักสูตรผลักดันการปกครองในระบบประชาธิปไตย พร้อมให้คำปรึกษาประชากร หรือผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียง ในฐานะวิทยากรที่เคยได้รับการฝึกอบรมการเลือกตั้งของ กกต. เพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจลงคะแนนดังกล่าวข้างต้นไปสู่หมู่ชนด้วย ในฐานะผู้ปฏิบัติ จำเป็นต้องวางตัวเป็นกลางไม่สามารถที่จะเสนอแนะคนไหนได้ เพราะว่าแต่ละพื้นที่แตกต่าง บางพื้นที่สามัคคี ประนีประนอม บางพื้นที่ไม่ตรงกัน บางทีอาจนำมาซึ่งการก่อให้เกิดความร้ายแรงได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าว ไม่อาจจะเข้าข้างผู้ใดกันได้ ด้วยเหตุว่าอาจารย์ กรมการศึกษานอกโรงเรียนไม่ต้องการที่จะอยากสร้างปรปักษ์กับผู้ใดกันหรือพรรคไหน มีบทบาทรวมทั้งภารกิจเกื้อหนุนแล้วก็วิวัฒนาการเล่าเรียนเพียงแค่นั้น” นางสาวนีกล่าว นางสาวนีกล่าวอีกว่า ไม่ว่าแนวทางการทำโพล หรือกิจกรรมอื่นใดที่อยู่นอกจากภารกิจหน้าที่ อาจารย์ กรมการศึกษานอกโรงเรียนจำต้องไม่เอาตัวไปเสี่ยง แล้วก็ปฏิบัติหมิ่นข้อบังคับ บางทีอาจถูกตั้งคณะกรรมการไต่สวนทางระเบียบ แล้วก็ถูกฟ้องร้องคดีได้ ด้วยเหตุดังกล่าว จำเป็นที่จะต้องไม่เป็นอันตรายไว้ก่อน ถ้าทำไม่ถูกอาจมีผลข้างเคียงตามมาวันหลังได้ ในขณะที่ นางขนิษฐี (ขอรักษาสกุลอดีตกาล ผู้อำนวยการกรมการศึกษานอกโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จังหวัดนครศรีธรรมราช เผยถึงในกรณีที่คุณครู กรมการศึกษานอกโรงเรียนทำหนังสือร้องทุกข์ถึงพรรคก้าวหน้าว่า ประเด็นการทำโพลมีบ่อยครั้ง เพราะเหตุว่า กรมการศึกษานอกโรงเรียนเป็นหน่วยงานที่สนิทสนมพลเมืองเยอะที่สุด และก็ผู้ที่จ้างทำโพลก็มีอีกทั้งหน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งเอกชน 

ครูรับลำบากใจ ต้องทำโพลเลือกตั้ง

ตรวจสอบราษฎรในแต่ละประเด็นนั้นรวมทั้งเมื่อทำโพลเสร็จก็เป็นผลงานตรวจของหน่วยงานนั้นๆก็เลยไม่แปลกที่นายจ้างจะเป็นของพรรคการเมืองใดก็ได้ 

เมื่อตรวจสอบแล้วพรรคนั้นก็เป็นเจ้าของโพลแต่ละโพล มันอยู่ที่ว่าพรรคการเมืองอยากหัวคะแนนเป็น คน กรมการศึกษานอกโรงเรียนด้วยไหม ถ้าหากเป็นตอนๆการเลือกตั้ง ทุกพรรคก็จะมุ่งหน้ามาให้ กรมการศึกษานอกโรงเรียนทำโพล มีการจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้คุณครู ให้ผู้เรียน ก็สิ้นสุดกันไป แล้วก็กระบวนการทำโพลจำเป็นต้องไม่มีการเลือกข้าง เลือกพรรค คนของพวกเรา พรรคของพวกเรา คนทำโพลจึงควรปฏิบัติหน้าที่เป็นคนเก็บข้อมูลรวมทั้งผลการสำรวจแค่นั้น มิได้เป็นคนชี้แนะ ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาเป็นแบบนั้น” นางขนิษฐีกล่าว นางขนิษฐีกล่าวอีกว่า ข่าวการศึกษา ตอนนี้มีจำนวนเงินเข้ามาเกี่ยวเนื่อง ได้มาก้อนใหญ่แม้กระนั้นไม่มีการจ่ายลงมายังข้างล่าง มันก็เลยกำเนิดปัญหา คนของพรรคนั้น คนของพรรคนี้ จะย้ายลูก ย้ายหลาน เลื่อนฐานะ ล้วนทรงอิทธิพลต่อกระบวนการทำโพลเกือบ 100% ทุกสิ่งทุกอย่างก็เลยขึ้นอยู่กับที่ด้านบนแค่นั้น ถ้าเกิดเปิดไฟเขียว ทุก กรมการศึกษานอกโรงเรียนที่ขึ้นอยู่กับเขต เขาก็จะทำงานทำโพลเองจนถึงสำเร็จขั้นตอน ส่วนค่าแรงงานแนวทางการทำโพลอยู่ที่การตกลงระหว่างนายจ้างกับผู้ที่ทำโพล ก่อนหน้านี้ก็เลยไม่กำเนิดปัญหา คราวนี้การบ้านการเมืองค่อนข้างจะร้ายแรง และก็ต่างฉกชิงความเป็นต่อ ฉกชิงผลตอบแทน ก็เลยกำเนิดปัญหามีการฟ้องขึ้นมา ก็เลยขอเรียนให้รู้ว่า กรมการศึกษานอกโรงเรียนมิได้เป็นของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง กรมการศึกษานอกโรงเรียนเป็นสถานศึกษาที่เน้นให้เด็กได้ได้โอกาส ได้ทำความเข้าใจประสบการณ์ด้วยตัวเอง โพลก็เลยไม่ใช่ความเคลื่อนไหวอะไรบ้างที่อยู่ใน กรมการศึกษานอกโรงเรียน แต่ว่าอย่าเอาการเมืองมาเกี่ยวโยงกับ กรมการศึกษานอกโรงเรียน คน กรมการศึกษานอกโรงเรียนมาเป็นฐานเสียงของนักการเมือง อย่าถึงจำเป็นต้องด่าทอลูกน้องทางไลน์กรุ๊ป หรือไลน์ส่วนตัว อย่าบังคับลูกน้องจำต้องเลือกพรรคนั้นพรรคนี้ รวมทั้งคุณครูอย่าสั่งการกับเด็กจะต้องเลือกพรรคนั้นพรรคนี้ ให้เป็นหน่วยงานอื่นที่ไม่ใช่หน่วยงาน กรมการศึกษานอกโรงเรียน” นางขนิษฐีกล่าว

แนะนำข่าวการศึกษา อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : โซเชียลปูดประเด็นใหม่ ‘ภาษาพาที’ น้ำจิ้มข้าวมันไก่เผ็ด ใช้น้ำปลาแก้อีกแล้ว

โซเชียลปูดประเด็นใหม่ ‘ภาษาพาที’ น้ำจิ้มข้าวมันไก่เผ็ด ใช้น้ำปลาแก้อีกแล้ว

ปูดหัวข้อใหม่ ภาษาพาที’ น้ำปรุงรสข้าวมันไก่เผ็ด ใช้น้ำปลาแก้อีกแล้ว ชาวเน็ตสับสนเพราะเหตุไรไม่บอกร้านค้าขอซุปเพิ่ม

โซเชียลปูดประเด็นใหม่ ‘ภาษาพาที’ น้ำจิ้มข้าวมันไก่เผ็ด ใช้น้ำปลาแก้อีกแล้ว

ข่าว จากในกรณีที่สังคมติชม ตำราเรียนหนังสือ ภาษาไทยพาที” ระดับชั้น เปรียญซึ่งมีรายละเอียดว่า รับประทานไข่ต้มครึ่งด้าน ใส่น้ำปลา หรือข้าวไม่คลุกน้ำผัดผักบุ้ง ทำให้นักแสดงในหนังสือแฮปปี้ ถือว่าเป็นการเพียงพอ เห็นค่าของชีวิต ทำให้สังคมตั้งข้อซักถามถึงโภชนาการของเด็ก และก็การมองโลกอย่างโรแมนติกมากจนเกินความจำเป็น จนถึงแต่ละภาคสาธารณะถึงคนที่ใครๆก็รู้จักต่างออกมาให้ความเห็นในวงกว้าง จากที่มีการพรีเซนเทชั่นข่าวสารไปแล้วนั้น ได้ให้ความคิดเห็นต่อรายละเอียดหน้าหนึ่งในตำรับตำราเรียนภาษาพาที เปรียญซึ่งเล่าถึงเหตุการณ์ของ ใบพลู” ที่ไปกินอาหารในที่แห่งหนึ่ง คุณรับประทานข้าวมันไก่แต่ว่าน้ำปรุงรสเผ็ด ก็เลยตั้งอกตั้งใจไปขอน้ำปลาของร้านค้าอื่น ข่าวการศึกษา ปรากฏว่าแม่ค้าบอกกับคุณว่า อะไรกัน มิได้ซื้อข้าวแกงร้านค้านี้สักนิดสักหน่อย จะมาขอน้ำปลา” ผู้ขายต่อว่าต่อขานก่อนที่จะอนุญาต เอ้า! อยากได้ก็ตักไปในหนังสือเล่าไว้ว่า ใบพลูคอหด เดินถือจานข้าวมันไก่กลับโดยมิได้เพิ่มน้ำปลา ช่างเถอะ เขาไม่เต็มใจให้ก็อย่าไปเอาของเขาดีมากกว่า โชคร้าย โชคร้ายจริงๆทำเช่นไรขนบธรรมเรียนขนบธรรมเนียมดีของไทยที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มีน้ำใจต่อกัน ก็เลยจะอยู่ในจิตใจของคนประเทศไทยทุกคนรวมทั้งในทุกแห่ง

คาด กม.ศึกษาฯ คลอดไม่ทันรัฐบาลนี้ ‘เอกชัย’ ชี้พิจารณาช้า ทำเสียเวลาเปล่า 7 ปี

รศ.ดร.เอกชัย กี่สุขพันธ์ อดีตประธานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า กรณีร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ

การศึกษา พ.ศ. … อยู่ระหว่างการพิจารณาในวาระ 2 และ 3 ของรัฐสภานั้น  คิดว่าร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ น่าจะพิจารณาไม่ทันรัฐบาลชุดนี้ เพราะจากที่ติดตามการพิจารณาของรัฐสภา พบว่าใช้เวลาพิจารณาช้ามาก เป็นการพิจารณาเป็นรายมาตรา หาก พ.ร.บ.ฉบับนี้พิจารณา และประกาศใช้ไม่ทันรัฐบาลชุดนี้ จะส่งผลกระทบกับการศึกษาหรือไม่นั้น มองว่าไม่ส่งผลกระทบมากนัก เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษาจะเกิดขึ้นช้าลง และต้องเสียเวลาไปเปล่าๆ 6-7 ปี นอกจากเสียเวลาแล้ว ยังเสียงบประมาณจำนวนมากในการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ด้วย “อย่างไรก็ตาม กรณีมีคนกลุ่มหนึ่งออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านนั้น เพราะมองแต่ประโยชน์ของตัวเอง กลัวว่าสิ่งที่ตัวเองเคยได้ อาจจะไม่ได้ สิ่งที่ตัวเองเคยมี อาจจะไม่มี แค่ในร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ กำหนดไว้ว่างบของโรงเรียน ครูจะต้องมีส่วนร่วมในการกำหนดสัดส่วนการใช้งบทั้งหมดด้วย เพียงแค่กำหนดลักษณะนี้ ก็มีคนไม่พอใจทันที มองว่าร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่ มีข้อดีหลายข้อ ส่วนจุดด้อยก็มีบ้าง ค่อยๆ ปรับกันไป จึงอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมองเป้าหมายคุณภาพนักเรียน คุณภาพการศึกษาของประเทศ และขอให้ละประโยชน์ส่วนตัว” รศ.ดร.เอกชัย กล่าว ดร.ศุภเสฏฐ์ คณากูล นายกสมาคมคณะกรรมการประสานและส่งเสริมการศึกษาเอกชน (ส.ปส.กช.) กล่าวว่า โรงเรียนเอกชนได้ติดตามการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติอย่างใกล้ชิด ถ้าคลอดไม่ทันรัฐบาลชุดนี้ ก็ไม่ส่งผลกระทบมากนัก

คาด กม.ศึกษาฯ คลอดไม่ทันรัฐบาลนี้ ‘เอกชัย’ ชี้พิจารณาช้า ทำเสียเวลาเปล่า 7 ปี

เพราะยังมี พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่ กำหนดเรื่องสิทธิของเด็กไทยไว้

แต่ไม่ระบุแนวปฏิบัติที่ชัดเจน โรงเรียนเอกชนกังวลว่าเมื่อประกาศใช้แล้ว สิทธิของเด็กไทยจะเท่าเทียมกันหรือไม่ ข่าวการศึกษา เพราะที่ผ่านมาโรงเรียนเอกชนประสบปัญหามาตลอด เช่น ค่าอาหารกลางวันของนักเรียนรัฐ และเอกชน ได้รับการอุดหนุนไม่เท่าเทียมกัน โดยรัฐได้รับเงินอุดหนุน 100% ขณะที่โรงเรียนเอกชนได้รับเงินอุดหนุน 28% ทั้งที่โรงเรียนรัฐก็มีเด็กต่างด้าวเข้ามาเรียน แต่กลับได้เงินอุดหนุนอาหารกลางวันมากกว่านักเรียนในโรงเรียนเอกชนซึ่งเป็นคนไทย เป็นต้น นอกจากสิทธิเด็กไทยแล้ว ครูไทยก็ควรได้รับสิทธิเท่าเทียมกันด้วย “คิดว่ากฎหมายฉบับใหม่ ควรกำหนดสิทธิของเด็ก และครูให้ชัดเจน ว่าเด็กไทย และครูไทย ต้องได้รับมาตราฐานเดียวกัน ไม่ควรแบ่งรัฐ และเอกชน หากกำหนดสิทธิของเด็ก และครูแบบกว้างๆ เมื่อถึงเวลาจัดทำกฎหมายลูกค่อยระบุให้ชัดเจน ท้ายที่สุดแล้วเด็กไทยกลุ่มหนึ่ง ที่เรียนในโรงเรียนเอกชน จะถูกมองข้ามเหมือนเดิม ทั้งนี้ ไม่อยากให้คิดว่าคนที่เรียนโรงเรียนเอกชนมีฐานะ เด็กบางคนต้องเรียนโรงเรียนเอกชนเพราะใกล้บ้าน หากเรียนโรงเรียนรัฐ อาจเสียค่าเดินทางจำนวนมาก จึงอยากให้ พ.ร.บ.การศึกษาฉบับใหม่ กำหนดสิทธิของเด็ก และครูไทยให้ชัดเจน ไม่แบ่งรัฐ และเอกชน” ดร.ศุกเสฎฐ์ กล่าว

แนะนำข่าวการศึกษา อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : นายก ร.ร.เอกชนหนุน ศธ.ยกเลิกระเบียบทรงผม ขอสุภาพ-ไม่รุงรัง ให้เด็กเรียนสนุก-มีความสุข

นายก ร.ร.เอกชนหนุน ศธ.ยกเลิกระเบียบทรงผม ขอสุภาพ-ไม่รุงรัง ให้เด็กเรียนสนุก-มีความสุข

นายก ร.ร.เอกชนหนุน ศธ.ยกเลิกระเบียบทรงผม ขอสุภาพ-ไม่รุงรัง ให้เด็กเรียนอย่างสนุก มีความสุขกับการเรียน อดีตประธาน กพฐ.ชี้ฝึกความรับผิดชอบของนักเรียน

การศึกษา จากกรณีที่ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ลงนามประกาศยกเลิกระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 และ ศธ.ได้ยกร่างแนวนโยบายเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียนของสถานศึกษาไว้ เพื่อให้สถานศึกษากำหนดลักษณะทรงผม ความสั้น ยาว การดัด ย้อม ไว้หนวด ไว้เครา ได้ตามพันธกิจ บริบท และความเหมาะสมของแต่ละสถานศึกษา เนื่องจากมีเสียงเรียกร้องให้แก้ไขปรับปรุงระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป จึงไม่อยากใช้เป็นกรอบพัฒนาเยาวชน และจำกัดความสุขของเด็ก แต่ผู้บริหารสถานศึกษาต้องหารือคณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง และนักเรียน เพื่อกำหนดเกณฑ์ให้สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ได้ และเพื่อให้นักเรียนได้เรียนอย่างมีความสุข แม้จะมีนักวิชาการเห็นด้วย แต่ยังกังวลว่าโรงเรียนส่วนใหญ่ยังยึดติดอำนาจนิยม และเข้าใจสิทธิเด็กค่อนข้างต่ำ ขณะที่นักเรียนบางกลุ่มก็เกรงว่า โรงเรียนจะยิ่งเข้มงวดเรื่องทรงผมมากขึ้นนั้น เมื่อวันที่ 26 มกราคม ดร.ศุภเสฏฐ์ คณากูล นายกสมาคมคณะกรรมการประสานและส่งเสริมการศึกษาเอกชน (ส.ปส.กช.) กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องดี เห็นด้วยกับการยกเลิกระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 และกระจายอำนาจให้โรงเรียนไปกำหนดระเบียบทรงผมของตนเอง เพราะทรงผมของนักเรียน ควรให้โรงเรียนไปจัดการให้สอดคล้องกับบริบทของโรงเรียนดีกว่า อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาโรงเรียนเอกชน 90% เปิดกว้างเรื่องทรงผมนักเรียนอยู่แล้ว เพื่อให้เด็กได้เข้ามาเรียนอย่างสนุก มีความสุขในการเข้ามาเรียนในโรงเรียน เพียงแต่ขอให้นักเรียนไว้ทรงผมสุภาพ เรียบร้อย อย่ายาวรุงรัง และปิดหน้าปิดตา “ที่หลายคนมองว่าทรงผม อาจเป็นแรงจูงใจให้เด็กไปอยู่ในโรงเรียนที่เปิดกว้างมากกว่าที่จะไปอยู่ในโรงเรียนที่เข้มงวด มองว่าเรื่องนี้อาจมีผลกระทบบ้าง ที่ผ่านมาโรงเรียนใดที่มีระเบียบให้นักเรียนตัดผมสั้น

นายก ร.ร.เอกชนหนุน ศธ.ยกเลิกระเบียบทรงผม ขอสุภาพ-ไม่รุงรัง ให้เด็กเรียนสนุก-มีความสุข

นักเรียนหญิงจะไม่ค่อยอยากเข้าโรงเรียนนั้น อยากไปอยู่โรงเรียนที่ให้ไว้ผมยาวได้ เป็นต้น

” ดร.ศุภเสฏฐ์ กล่าว ด้าน รศ.ดร.เอกชัย กี่สุขพันธ์ อดีตประธานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ข่าวการศึกษา (กพฐ.) กล่าวว่า เห็นด้วยกับการยกเลิกระเบียบทรงผมของนักเรียน เพราะส่วนกลางไม่ควรกำหนดระเบียบวินัยของนักเรียน แต่ควรให้โรงเรียนมีอิสระในการกำหนดระเบียบของตนมากกว่า หากโรงเรียนเปิดกว้างเรื่องทรงผม จะเป็นการฝึกความรับผิดชอบของนักเรียน เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง ว่าถ้าไว้ทรงผมตามที่ต้องการแล้ว มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร และเป็นการฝึกความรับผิดชอบของนักเรียนไปในตัวด้วย “ผมคิดว่าเรื่องนี้ควรทำมานานแล้ว เพราะทรงผมไม่ได้เกี่ยวกับสติปัญญาการเรียนของนักเรียน ส่วนที่หลายคนมองว่าทรงผม อาจจะเป็นแรงจูงใจให้เด็กไปอยู่ในโรงเรียนที่เปิดกว้างมากกว่าที่จะไปอยู่ในโรงเรียนที่เข้มงวดนั้น ผมคิดว่าการศึกษาในปัจจุบัน เราไม่ควรไปคิดแทนเด็ก ให้เด็กได้เรียนรู้เองว่าอะไรดี อะไรไม่ดี ทั้งนี้ ครูจะต้องเปลี่ยนความคิดของตนด้วย โดยครูไม่ควรไปประชดประชันเด็กว่าสะใจแล้วสิ มีอิสระแล้วสิ ไว้ทรงผมอะไรก็ได้ แต่ควรดูแลเด็ก ให้คำแนะนำเด็กว่าควรไว้ผมยาวแบบไหน และส่งเสริมให้เด็กคิดว่าอะไรเหมาะ และอะไรควรมากกว่า” รศ.ดร.เอกชัย กล่าว

แนะนำข่าวการศึกษา อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : บิ๊กตู่ เปิดประชุมวิชาการเอเปค ชี้เป็นโอกาสดีที่ นักวิจัย-นักวิทย์-ผู้นำธุรกิจ

บิ๊กตู่ เปิดประชุมวิชาการเอเปค ชี้เป็นโอกาสดีที่ นักวิจัย-นักวิทย์-ผู้นำธุรกิจ

‘บิ๊กตู่’ เปิดประชุมวิชาการเอเปค ชี้เปิดโอกาสเครือข่ายการศึกษาโลกแลกเปลี่ยนความเห็นเพื่อรับมือสถานการณ์ท้าทายใหม่ ทั้งเศรษฐกิจ-การศึกษา-สุขภาพ ในเอเชีย-แปซิฟิก เชื่อเป็นเวลาดีที่ นักวิจัย-นักวิทย์-ผู้วางนโยบาย-ผู้นำธุรกิจ จะร่วมกันสร้างสรรค์นโยบาย-ออกแบบทิศทาง-แผนการบริหารประเทศ สอดรับวิถีความปกติใหม่ของโลก โดยเฉพาะความปลอดภัยด้านสาธารณสุข

บิ๊กตู่ เปิดประชุมวิชาการเอเปค ชี้เป็นโอกาสดีที่ นักวิจัย-นักวิทย์-ผู้นำธุรกิจ

การศึกษา เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ที่อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในโอกาสเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมทางวิชาการ APEC University Leaders Forum 2022 หัวข้อ “Preventing the Next Pandemic – The Global Partnership Agenda: Government, Business and Research University” จัดโดยสมาคมมหาวิทยาลัยภาคพื้นแปซิฟิก และจุฬาฯ มีประธานสมาคมมหาวิทยาลัยภาคพื้นแปซิฟิก อธิการบดีมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส อธิการบดีจุฬาฯ ผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทชั้นนำ ผู้กำหนดนโยบายในหลากหลายประเทศ อธิการบดีจาก 20 มหาวิทยาลัยทั่วโลก เข้าร่วมงาน ว่า เวทีนี้มีความสำคัญ โดยเฉพาะขณะนี้กำลังเผชิญสถานการณ์ที่หลากหลาย ซึ่งเราให้ความสำคัญ โดยเฉพาะปัญหาสุขภาพ เวทีคู่ขนานกับการประชุมเอเปคนี้ สอดรับกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจภายใต้เอเปค ข่าวการศึกษา เป็นโอกาสให้เครือข่ายการศึกษาทั่วโลกพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันในระดับนานาชาติ และเป็นเวทีในการแบ่งปันประสบการณ์ในมิติต่างๆ รวมถึง การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ที่ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ และอาจต้องเผชิญอีกในอนาคต“โดยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เป็นพื้นฐานสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างภูมิคุ้มกันจากความท้าทายดังกล่าว อีกทั้ง เป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดการฟื้นฟู และเติบโตทางเศรษฐกิจ และสังคม อย่างมั่นคง และยั่งยืน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

แนะนำข่าวการศึกษา อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : ม.ธุรกิจบัณฑิต ลุยตลาดอินโดนีเซีย ตั้งเป้ารับนักศึกษาปีละ 100 คน

ม.ธุรกิจบัณฑิต ลุยตลาดอินโดนีเซีย ตั้งเป้ารับนักศึกษาปีละ 100 คน

มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ บุกตลาดอินโดนีเซีย จับมือ 55 สถาบัน ร่วมพัฒนาการศึกษานานาชาติ ตั้งเป้ารับบนักศึกษามุสลิมอย่างน้อยปีละ 100 คน

การศึกษา วันที่ 7 พฤศจิกายน 2565 ผศ.ดร.ศิริเดช คำสุพรหม ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายภาคีสัมพันธ์ และคณบดีวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) เปิดเผยว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ มธบ.นำโดย ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดี และคณะผู้บริหาร ร่วมกับสมาคมชุมชนมุสลิมอาเซียน (Associate of Muslim Community in ASEAN: AMCA) ได้จัดการประชุมวิชาการนานาชาติภายใต้หัวข้อ “Challenges of Community Development in Disruption Era” พร้อมลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) ร่วมกับสถาบันการศึกษาจากอินโดนีเซีย จำนวน 55 แห่ง รวมถึงเวียดนาม กัมพูชา และลาว เพื่อร่วมกันพัฒนาการศึกษาในระดับนานาชาติให้แข็งแกร่ง พร้อมทั้งพัฒนาการศึกษาเพื่อสันติภาพในภูมิภาคอาเซียน ภายในงานมีผู้บริหารของสถาบันการศึกษาพันธมิตรเข้าร่วมงานกว่า 100 คน และภายใต้การร่วมมือดังกล่าว ยังเป็นการร่วมฉลองครบรอบ 55 ปี ของการก่อตั้ง มธบ.อีกด้วย ผศ.ดร.ศิริเดชกล่าวต่อว่า ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ นอกจากพัฒนาหลักสูตรทางการศึกษาร่วมกันระหว่าง มธบ.และมหาวิทยาลัยจากอินโดนีเซีย รวมทั้งมีประเทศ CLMV ร่วมอีกกว่า 20 แห่งแล้วยังถือเป็นการเปิดตลาดการศึกษาให้กับนักศึกษาชาวมุสลิมของทั้ง 2 ฝ่ายอีกด้วย เบื้องต้นมหาวิทยาลัยจากอินโดนีเซียเสนอทุนเรียนฟรีตลอดหลักสูตรในระดับปริญญาโทให้กับนักศึกษาของ มธบ.ขณะเดียวกัน มธบ.ก็พร้อมรับนักศึกษามุสลิมจากเครือข่ายพันธมิตร โดยทาง CIBA มีหลักสูตรนานาชาติในหลายสาขาวิชา โอกาสนี้ถือเป็นการขยายตลาดการศึกษาไปยังกลุ่มนักศึกษามุสลิม ซึ่งนับเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ และยังถือเป็นโอกาสในการเพิ่มรายได้ให้ประเทศอีกด้วย “การบุกตลาดการศึกษาไปยังอินโดนีเซีย และกลุ่มประเทศอาเซียน นับเป็นอีกช่องทางในการเพิ่มรายได้ให้กับประเทศ โดยเฉพาะอินโดนีเซีย ซึ่งมีมหาวิทยาลัยอยู่จำนวนมาก และมีบางแห่งเสนอให้ทุนเรียนฟรี 100% ในระดับปริญญาโทให้กับนักศึกษาเรา ทั้งนี้เบื้องต้น ตั้งเป้านักศึกษาจากอินโดนีเซียมาเรียนกับ มธบ.อย่างน้อยปีละ 100 คน” ผศ.ดร.ศิริเดช กล่าว

ม.ธุรกิจบัณฑิต ลุยตลาดอินโดนีเซีย ตั้งเป้ารับนักศึกษาปีละ 100 คน

BYD จับมือกับมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดโครงการ Beyond Wealth Arena

ชูโปรแกรมเทรด Beyond Intelligence Trading (MT5) หวังพัฒนานักลงทุนรุ่นใหม่และขยายฐาน ข่าวการศึกษา ลูกค้า วันที่ 14 กันยายน 2565 บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) โดย นางสาวออมสิน ศิริ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (สายงานสนับสนุน) และนางสาวปทิตตา มิลินทจินดา กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (สายงานธุรกิจหลักทรัพย์) จัดพิธีลงนามความร่วมมือทางวิชาการ กับวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์นำโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พัทธนันท์ เพชรเชิดชู รองอธิการบดีสายงานวิชาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ จัดโครงการ Beyond Wealth Arena โดยทั้งสองฝ่ายมีความตั้งใจร่วมกันเพื่อตอบแทนสังคมและบ่มเพาะความรู้ด้านการลงทุนเพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้กับกลุ่มนักศึกษาเพื่อนำกลับไปต่อยอดอาชีพในอนาคตได้ บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD ร่วมมือกับวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (CIBA) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดตั้ง Beyond Wealth Arena เพื่อเป็นสนามประลองการแข่งขันการเทรดหุ้นผ่านโปรแกรม Beyond Intelligence Trading (MT5) ที่มีนวัตกรรมที่ทันสมัยและจัดตั้ง BYD Academy ที่ให้ความรู้ด้านการลงทุนและ พัฒนาทักษะการลงทุนให้นักศึกษาที่สนใจด้านการลงทุนในหุ้นตลอดการแข่งขัน พร้อมลุ้นชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 100,000 บาท ขยายฐานลูกค้าเจนY-Z นางสาว ออมสิน ศิริ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า ด้วยข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ มิถุนายน 2565 ที่ชี้ถึงการเติบโตของจำนวนนักลงทุนรุ่นใหม่และจำนวนลูกค้าเปิดบัญชีซื้อขายผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ทำให้เราเห็นถึงโอกาสที่จะขยายฐานลูกค้ากลุ่ม Gen Y และ Gen Z จึงได้จัดโครงการ BYD Academy เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนและเทคนิคต่างๆที่สามารถช่วยให้ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถวิเคราะห์หลักทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จุดประสงค์ในการร่วมมือครั้งนี้เพื่อเป็นการผลักดันและส่งเสริมศักยภาพของนักลงทุนรุ่นใหม่ให้มีความพร้อมในการลงทุนในตลาดทุน โดยการให้ความรู้โดยผู้เชี่ยวชาญพร้อมทั้งบอกเล่าประสบการณ์ในการลงทุน เพื่อที่กลุ่มนักลงทุนรุ่นใหม่จะสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน