รัฐมนตรีว่าการสมศักดิ์ เร่ง “ยุติธรรม” จัด Watchlist บุคคลอันตรายให้ครบ ข้างหลังข้อบังคับคุ้มครองป้องกันทำผิดซ้ำ ประกาศราชกิจจานุเบกษาแล้ว ส่งผลใช้อีก 90 วัน สั่งตั้งอนุกรรมการ ศึกษาแบ่งหลักเกณฑ์การจัดกรุ๊ป-ใส่กำไลอีเอ็ม

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เอ่ยถึงความก้าวหน้า พระราชบัญญัติวิธีการป้องกันความประพฤติความผิดพลาดซ้ำในข้อผิดพลาดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้กำลัง หรือ ข้อบังคับ JSOC ว่า ได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ตอนวันที่ 25 ตุลาคมก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา โดยจะมีผลบังคับใช้อีก 90 วันหมายถึงวันที่ 23 เดือนมกราคม2566 ด้วยเหตุนี้ ตนต้องการที่จะให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวพัน รีบเตรียมพร้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตการรับทราบ และก็การจัด Watchlist กรุ๊ปบุคคลอันตราย ให้แจ่มชัด เพราะว่าเริ่มมีผู้พ้นโทษออกมาก่อเหตุ กลับไม่อยู่สำหรับเพื่อการจัด Watchlist ในขณะที่ นายชาญ วชิรอำนาจ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ แจกแจงว่า ก่อนหน้าที่ผ่านมา ข้อบังคับJSOC ยังไม่จบ ทางกรรมการฯ ก็มีการเพิ่มอีกมา ก็เลยยังไม่มีการจัด Watchlist ทั้งผอง ซึ่งอาจก่อให้ผู้พ้นโทษ บางรายที่ออกไปก่อเหตุนั้น มิได้ถูกจัดอยู่ใน Watchlist รวมทั้งบางราย บางทีอาจยังไม่กระจ่างว่า จะเข้าความผิดพลาดข้อใด สำหรับเพื่อการแบ่งกลุ่ม Watchlist ผู้ต้องขัง ที่จะต้องเข้าเกณฑ์อีกทั้งข้อ 1 มี ความผิดพลาดเกี่ยวกับการก่อให้กำเนิดภัยอันตรายต่อพลเมือง ,ความผิดพลาดเกี่ยวกับเพศ ,ข้อผิดพลาดเกี่ยวกับชีวิตรวมทั้งร่างกาย ,ข้อผิดพลาดเกี่ยวกับความอิสระแล้วก็เกียรติศักดิ์ ,ความผิดพลาดเกี่ยวกับทรัพย์สิน และก็ข้อ 2 มี ฆ่าเด็ก หรือ ข่มขืนกระทำชำเราเด็ก , ฆ่าข่มขืนกระทำชำเรา ,ฆาตกรโรคจิต ,กระทำผิดซ้ำจากจำเจ ,ฆาตเกลื่อนกลาดรโรคทางจิต ,ฆาตกรรมหมู่ ,คนค้ายาเสพติดรายใหญ่ โดยการทำให้บางราย เข้าเกณฑ์หลักเกณฑ์เพียงแค่ข้อ 1 แม้กระนั้นไม่เข้าข้อจำกัดข้อ 2 ก็เลยผิดจัด Watchlist

นายสมศักดา กล่าวต่อว่าต่อขาน เมื่อมีข้อบังคับ JSOC ออกมาแล้ว พวกเราจะต้องรีบจัด Watchlist ตามฐานข้อผิดพลาด 12 มาตรา ซึ่งตนจะตั้งแผนกอนุกรรมการขึ้นมา 1 ชุด เพื่อเรียนรู้การจัดกรุ๊ป Watchlist สำหรับการระบุว่าแต่ว่าละมาตรการความผิดพลาด ต้องมีการจัดอยู่ใน Watchlist ใด แล้วก็จะต้องติดกำไลอีเอ็ม ข้างหลังพ้นโทษตรงเวลามากแค่ไหน โดยขอให้อนุกรรมการชุดนี้ รีบสรุปก้าวหน้าทุกอาทิตย์ พร้อมขอให้มีการเสนอคดีสำคัญขึ้นมา เป็นเคสแบบอย่างด้วย ว่าถ้าเกิดเป็นกรณีอย่างนี้ จำต้องติดกำไลอีเอ็มกี่ปี “ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา การจัด Watchlist ทำโดยยังไม่มีข้อบังคับ แม้กระนั้นปัจจุบันนี้ มีข้อบังคับคุ้มครองป้องกันการกระทำผิดซ้ำแล้ว เพียงแค่ก่อเหตุร้ายแรง ก็จะเข้ามาตราต่างๆของข้อบังคับนี้แล้ว ที่จะต้องถูกเฝ้าระวัง ซึ่งการใส่กำไลอีเอ็ม จะแตกต่างกัน จะต้องขึ้นกับคณะกรรมการใคร่ครวญ และก็อนุกรรมการ ที่ผมตั้งมาศึกษาวิถีทางไว้ ซึ่งได้สั่งให้เร่งด่วนที่สุด เนื่องจากว่าผมซีเรียสกับประเด็นนี้มากมาย รู้สึกเศร้าทุกหน ที่ยังพบข่าวสารผู้พ้นโทษ ออกมาก่อเหตุซ้ำ หรือ ข่าวสารสะเทือนใจ กับกลุ่มสตรี ด้วยเหตุนั้น ผมจะรีบทำบุคคลอันตรายให้เร็วที่สุด เพื่อทำให้สังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาคมสตรี รู้สึกอุ่นใจ รวมทั้งไม่มีอันตรายแล้วยังปลอดภัยจากบุคคลอันตราย ที่พวกเราช่วยเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดแล้ว” รัฐมนตรีว่าการเป็นกลาง กล่าว

แอปเปิลออกมาประกาศเป็นทางการแล้วว่า จะยอมแปลงสายชาร์จที่ใช้กับไอโฟนโดยชอบด้วยกฎหมายใหม่ของสหภาพยุโรปที่บังคับให้ใช้เพียงแค่ USB-C แค่นั้น

เกร็ก หน้าจอสเวียค รองประธานด้านการตลาดของบริษัทแอปเปิล (Apple) ออกมาเผยออกมาว่า บริษัทยอมแล้วที่จะกระทำตามข้อบังคับใหม่ของสหภาพยุโรป (สหภาพยุโรป) ป้ายประกาศว่า ข้างในฤดูใบไม้ร่วงปี 2024 ผู้สร้างโทรศัพท์เคลื่อนที่สมาร์ทโฟนแล้วก็วัสดุอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆควรต้องผลิตผลิตภัณฑ์ให้รองรับหัวชาร์จแบบ USB-C เพียงแค่นั้น โดยจะส่งผลกับ 27 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป หน้าจอสเวียคบอกว่า “แน่ๆว่าพวกเราต้องประพฤติตามข้อบังคับใหม่ พวกเราไม่มีวันเลือก” คณะรัฐมนตรีจากประเทศสมาชิกได้อนุมัติขั้นท้ายสุด ให้ข้อบังคับใหม่มีผลบังคับใช้ โดยสายชาร์จสำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่ แท็บเล็ต กล้องถ่ายรูปดิจิทัล แล้วก็วัสดุอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆจะต้องเป็นมาตรฐานเดียวกันหมดในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป โดยจะใช้เพียงแค่หัวชาร์จแบบ USB-C เพียงแค่นั้น ในบรรดาผู้ให้บริการเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ให้กับลูกค้าในยุโรป คาดว่า แอปเปิลจะได้รับผลพวงสูงที่สุด เพราะว่าสินค้ามีหัวชาร์จที่ไม่เหมือนกันกับหัวชาร์จของแบรนด์อื่นๆโดยแอปเปิลจะถูกบังคับให้เปลี่ยนแปลงหัวชาร์จสำหรับสินค้าของตน (ตราบเท่าที่แอปเปิลยังปรารถนาขายของในยุโรป)

หน้าจอสเวียคยังไม่เปิดเผยว่า แอปเปิลจะใช้สายชาร์จใหม่กับสินค้าของตนขณะใด เมื่อก่อนหน้านี้มีนักพินิจพิจารณาคาดคะเนว่า สินค้าในปี 2023 ของแอปเปิลบางทีอาจรองรับหัวชาร์จใหม่แล้ว รวมทั้งจะเป็นอย่างนี้กับสินค้าที่วางขายทั่วทั้งโลกด้วย ไม่ใช่แค่เฉพาะที่จะขายในยุโรป ข้างนิติบัญญัติของสหภาพยุโรปเคยบอกเหตุผลว่า ข้อบังคับการบังคับระบุจำพวกหัวชาร์จโทรศัพท์นี้จะช่วยลดปัญหาเรื่องการสร้างขยะ เพราะลูกค้าไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อที่ชาร์จใหม่เมื่อใดก็ตามซื้อเครื่องมือใหม่ แต่ แอปเปิลไม่เห็นพ้องกับแนวความคิดดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น โดยกล่าวว่า “กฎที่เอาจริงเอาจังซึ่งกำหนดให้มีสายชาร์จเพียงแค่ประเภทเดียวถือว่าเป็นการยั้งการก่อกำเนิดของใหม่มากยิ่งกว่าที่จะเกื้อหนุน ซึ่งจะไม่ดีต่อคนซื้อในยุโรปและก็ทั้งโลก” ก่อนหน้านี้แอปเปิลมีผลิตภัณฑ์หลายตัวที่รองรับสายชาร์จ USB-C แล้ว อย่างเช่น MacBook ตั้งแต่ปี 2015 หรือ iPad ที่เริ่มแปลงจากสายชาร์จไลต์นิง (Lightning) มาเป็น USB-C ตั้งแต่ปี 2018

จากการอธิบายแนวทางของรัฐบาลจีนจากทั้งยังกระทรวงสภาพแวดล้อมแล้วก็กระทรวงการต่างประเทศ มีจุดร่วมที่น่าดึงดูด เป็นทั้งคู่กระทรวงได้เอ่ยถึงแผนการ BRI ซึ่งเป็นโครงงานความร่วมแรงร่วมใจระหว่างชาติที่จีนเข้าไปมีหน้าที่ในภูมิภาคต่างๆ

แนวนโยบายนี้เป็นแนวทางการต่างประเทศในสมัย “สี จิ้น ผิง” ที่จีนภูมิใจ เพราะเหตุว่าบ่งบอกถึงถึงหน้าที่ของจีนสำหรับการไปร่วมมือกับประเทศต่างๆโดยยิ่งไปกว่านั้นประเทศขนาดเล็ก เพื่อสร้างโลกที่ความสงบสุขและก็ความร่ำรวย อย่างไรก็ตาม หลายข้างออกมากล่าวว่าหลักการของจีนบางทีอาจมิได้สวยงาม ราวกับถูกเจาะจงเอาไว้ภายในพิมพ์เขียวทั้งยังก่อให้เกิดปัญหาให้ประเทศขนาดเล็กที่จีนไปร่วมมือด้วย ตึกรูปดอกบัวตั้งสูงเด่นเด่นกลางเมืองวัวลอมโบ เมืองหลวงของศรีลังกา ด้วยความสูง 350 เมตร ดอกบัวยักษ์ที่ผลิตขึ้นเพื่อจุดหมายด้านการติดต่อสื่อสารถูกหวังว่าจะเปลี่ยนเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของนักเดินทางด้วย ข้างบนของ Сolombo Lotus Tower มีห้องอาหารและก็จุดสำหรับเพื่อชมวิวที่แลเห็นได้ไกลถึงห้วงสมุทรประเทศอินเดีย ตึกนี้ก่อสร้างในปี 2012 รวมทั้งพึ่งเปิดให้บริการเมื่อตอนกลางเดือนเดือนกันยายนก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ปราสาด สมรสิงห์ ซีอีโอของ Сolombo Lotus Tower ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ถึงเวลาจำต้องเปิดตัวตึกและก็ขายตั๋วราคาถูกมากกว่าที่คิดแผนไว้เพื่อทดแทนทุนสร้างมากมายก่ายกองปริมาณ 113 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา หรือราว 4,300 ล้านบาท

แต่ว่าหลักสำคัญเป็น นักเดินทางจะมากันครึกโครมตามคาดหรือเปล่า เนื่องจากตึกนี้มีวิวาทะคัดค้าน หนึ่งเป็นเป้าประสงค์ของตึกที่ถูกกล่าวว่าเพื่อการติดต่อสื่อสาร แต่ว่าอันที่จริงตึกนี้ดูเหมือนมีคุณประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวมากยิ่งกว่า ใจความสำคัญลำดับที่สอง Сolombo Lotus Tower เป็นเครื่องหมายของความเจ็บ เนื่องจากนี่เป็นหนึ่งในแผนการ “White Elephant” อภิมหาโปรเจกที่สร้างมาจากเงินกู้ยืมจากจีนในสมัยที่อดีตกาลผู้นำมหินทรา ราชสกุณาเป็นผู้นำประเทศ ท่ามกลางหนี้เหลือล้นรวมทั้งปัญหาเศรษฐกิจรุมเร้าของศรีลังกาในขณะนี้ ดอกบัวยักษ์เหมือนหลักฐานย้ำเตือนถึงหนึ่งในแนวนโยบายอันบกพร่องที่ทำให้ประเทศตกอยู่ในหล่มของความล้มละลายแม้กระนั้น Colombo Lotus Tower ยังเทียบไม่ได้กับท่าเรือฮัมบันโตตา ศรีลังกากู้ยืมเงินจากจีนแล้วก็ให้บริษัทจีนเข้ามาจัดการก่อสร้าง แม้กระนั้นเมื่อเสร็จท่าเรือที่เป็นความหวังทางเศรษฐกิจกลับเหงาหงอย รายได้ไม่คุ้มกับที่ลงทุน รวมทั้งเมื่อศรีลังกาไม่มีกำลังจ่ายและชำระหนี้จีนตรงเวลาที่ระบุ สุดท้ายแล้วศรีลังกาจำเป็นต้องยอมเซ็นชื่อในกติกาที่เปิดให้จีนเช่าท่าเรือนาน 99 ปี

ผู้ไม่เห็นพ้องเห็นว่า กติกาดังที่กล่าวมาแล้วไม่มีความแตกต่างจากแนวทางการขายชาติ ความจริงผลพวงด้านการเงินที่ศรีลังกาพบเจอมิได้เกิดขึ้นจากทุนกู้จากจีนเพียงอย่างเดียว ยังมีต้นเหตุอื่นๆที่สั่งสมมาจากการจัดการงานตอนหลายปีล่วงมาแล้ว กระนั้นภาพหายนะทางด้านเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกำลังสร้างความไม่สาบายใจให้แก่หลายชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาติที่ค้างหนี้จีน มีคำศัพท์เรียกเหตุการณ์ติดหล่มอย่างนี้ว่า “Debt-Trap Diplomacy” หรือ “การทูตกับหนี้สิน” ง่ายดายยิ่งกว่านั้นเป็นคำที่รู้จักกันในชื่อ “กับหนี้สินจีน” เป็นแนวทางระหว่างชาติที่จีนจะปลดปล่อยสินเชื่อให้กับประเทศอื่นๆโดยมิได้คิดถึงความรู้ความเข้าใจสำหรับในการจ่ายหนี้ พร้อมนั้นยังเข้าไปช่วยปรับปรุงส่วนประกอบสาธารณูปโภคต่างๆที่เอื้อประโยชน์ต่อแผนการ และก็เมื่อตอนท้ายแล้วประเทศลูกหนี้ไม่สามารถที่จะจ่ายเงินได้ทันตามกำหนด จีนจะสร้างกติกาผ่อนผันที่ช่วยเหลืออิทธิพลตัวเองลักษณะเดียวกันกับกรณีท่าเรือฮัมบันโตตา ส่วนมากของประเทศลูกหนี้มักเป็นประเทศด้อยพัฒนา การทูตระหว่างชาติอย่างนี้ทำงานผ่านโครงงานแถบรวมทั้งทาง หรือ BRI ที่จีนปรารถนาสร้างโครงข่ายการค้าขายอันยิ่งใหญ่ที่ศตวรรษที่ 21

การมาถึงของโครงงาน BRI ช่วยทำให้ชาตินั้นๆมีถนนหนทาง ทางรถไฟ ตลอดจนท่าเรือ ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นสาธารณูปโภคที่ล่อใจไม่น้อย นับจากปี 2013 เป็นต้นมา จีนลงทุนกับการพัฒนาโครงงาน BRI ไปแล้วสูงถึง 8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา และก็การแผ่กระจายอำนาจผ่านโครงงานยักษ์นี้สั่นความมั่นคงและยั่งยืนของชาติตะวันตก โน่นทำให้แนวคิด Debt-Trap Diplomacy ก็เลยมาจากชาติตะวันตก รวมทั้งก่อนหน้าที่ผ่านมารัฐบาลจีนเองไม่เคยเห็นด้วยข้อกล่าวหาที่ว่าพวกเขาทำให้หลายชาติติดอยู่ในกับหนี้สิน ไม่มีข้อมูลแจ่มแจ้งเพราะว่าจำนวนมากกติกาและก็คำสัญญากู้หนี้ยืมสินที่จีนทำกับประเทศลูกหนี้ล้วนเป็นความลับ แม้กระนั้นรายงานจากวารสาร Forbes อ้างอิงข้อมูลในปี 2020 ว่ามีสูงถึง 97 ประเทศทั่วทั้งโลกที่เกี่ยวพันกับแผนการ BRI โดยมากอยู่ในทวีปแอฟริกา รวมเป็นจำนวนเงินกู้สูงถึง 1.7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา บางประเทศดังเช่นว่า จิบูตี แล้วก็แองโกลา มีหนี้สินมากยิ่งกว่าปริมาณร้อยละ 40 ของรายได้ประชาชาติ หรือ GNI ซึ่งเป็นการรวม GDP ของประเทศกับรายได้ที่เกิดขึ้นในฝรั่ง รองลงมาเป็น ลาว แซมเบีย มัลดีฟส์ รวมทั้งคีร์กิซสถานที่ ที่คาดกันว่าหนี้สินจีนอยู่ที่ราวจำนวนร้อยละ 30 ของ GNI

การระบาดของโควิด-19 ที่ผลักรั้งเศรษฐกิจประกอบกับวิกฤตเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทั้งโลกยิ่งสร้างความรู้สึกไม่สบายใจว่า ชาติกลุ่มนี้จะยิ่งใช้หนี้ใช้สินเหนื่อยยากขึ้นและก็ยิ่งทำให้อิทธิพลจีนแผ่กระจาย ในกรณีของลาว ส่วนประกอบเบื้องต้นที่เติบโตขึ้นอย่างเร็วในตอนไม่กี่ปีที่ล่วงเลยไปล้วนเป็นทุนจีน จีนเป็นชาติที่ลงทุนใหญ่ที่สุดในลาว ด้วยปริมาณโครงงานสูงถึง 813 แผนการรวมราคา 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ที่สะดุดตาที่สุดเป็นรถไฟเชื่อมทางลาว-จีน ที่ในเวลานี้กำลังครึกโครม แม้กระนั้นก็กำเนิดปริศนาว่า เศรษฐกิจที่เติบโตจากสาธารณูปโภคของลาวที่ปรับปรุงขึ้นจะทันกับหนี้สินปริมาณมากมายก่ายกองที่ดอกกำลังทบทวีหรือเปล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีของประเทศลูกหนี้ในแอฟริกา ทวีปที่ถูกแปลความว่าการร่วมลงทุนกับจีนเป็นกับหนี้สินเยอะที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ส.ค.ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา จีนประกาศชูหนี้สิน 23 รายการให้กับประเทศลูกหนี้ในทวีปแอฟริกาปริมาณ 17 ประเทศ ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่เนื่องจากว่าในตอนหลายปีที่ผ่านมาก่อนหน้านี้จีนชูหนี้สินให้กับประเทศแอฟริกาหลายครั้ง โดยมิได้เปิดเผยเนื้อหามากเท่าไรนัก

มองผิวเผินเป็นการดีสวย แม้กระนั้นการที่จีนมิได้เปิดเผยรายเอียดกติกาสักเท่าไหร่ทำให้นานาประเทศไม่บางทีอาจรู้ได้ว่า ในกติกาชูหนี้สินนั้นบรรดาประเทศลูกหนี้จำต้องแลกเปลี่ยนกับอะไรบ้าง เวลาที่ผู้ชำนาญบางรายชี้ว่า ความมีน้ำใจจากพญามังกรมิได้เป็นการชูจ่ายหนี้ทั้งสิ้น แม้กระนั้นเป็นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างหนี้สินเพื่อช่วยลดผลพวงจากดอกมากยิ่งกว่า ก่อนหน้านี้ ธนาคารโลกเตือนถึงหนี้สินต่างแดนของบรรดาประเทศด้อยพัฒนาที่เพิ่มสูงมากขึ้นสร้างความรู้สึกกลุ้มอกกลุ้มใจว่าในอนาคตอันใกล้แนวโน้มอาจมุ่งไปสู่วิกฤตหนี้สินครั้งใหญ่แบบที่เคยเกิดขึ้นในทศวรรษ 1980 ทำให้จีนยิ่งถูกดูในด้านลบมากยิ่งขึ้น และก็นี่บางทีอาจเป็นต้นเหตุหนึ่งที่ทำให้ในตอนหลังมานี้จีนตกลงใจชูหนี้สินบ่อยมา หากแม้ทราบว่าเศรษฐกิจของตนเองข้างหลังวัววิด-19 ก็มิได้ดีนัก อย่างไรก็ตามผู้คนจำนวนมากคิดว่าอันที่จริงแล้ว “กับหนี้สินจีน” บางทีอาจเป็นเพียงแค่นักดนตรีรรม เพราะเหตุว่ากรณีศรีลังกานั้น หนี้สินสาธารณะมาจากเหตุจากการจัดการงานของรัฐบาลเอง ในขณะกรุ๊ปประเทศในทวีปแอฟริกา ประเทศพวกนี้ก็ล้วนมีปัญหากการคลังเก็บของและก็ความไม่มั่นคงด้านการเมืองอยู่แล้วเป็นทุนเดิม

ทั้งยังจีนเองก็ไม่ใช่เจ้าหนี้รายใหญ่รายเดียว แม้กระนั้นที่แท้หลายประเทศด้อยพัฒนาก็กู้ยืมเงินและก็ค้างหนี้สถาบันการเงินรายใหญ่ของโลกอย่าง ไอเอมเอฟ, ธนาคารโลก รวมทั้งกรุ๊ปกรุงปารีสคลับที่เป็นการรวมกลุ่มของประเทศมั่งคั่ง ซึ่งแม้เปรียบเทียบกันแล้วในบางชาติหนี้สินจีนน้อยกว่าหนี้สินชาติตะวันตกเสียด้วยซ้ำ และก็ในทวีปแอฟริกา หนี้สินจีนศูนย์รวมกับหนี้สินชาติตะวันตกกำลังทำให้หลายสิบประเทศบางทีอาจไปสู่ภาวการณ์หนี้สูญ กับหนี้สินจีนจะเกิดเรื่องใช่หรือนักดนตรีรรมยังไม่มีคำตอบ แต่ว่าจากข้อมูลที่มีก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ว่า ประเทศที่เป็นลูกหนี้จีนกำลังมากยิ่งขึ้นถึงแม้อัตราค่าดอกเบี้ยจะสูงแล้วก็เสี่ยงที่จะไม่ถูกใช้หนี้จนกระทั่งบางทีอาจเกินเลยยอมเสียเปรียบแบบศรีลังกาก็ตาม

กรมธนารักษ์ ช่วยผู้เช่าที่ราชพัสดุทุกประเภท ที่ได้รับผลพวงจากน้ำหลาก ด้วยการออกมาตรการนอกจากการเก็บค่าใช้จ่ายในการเช่าสูงสุด 2 ปี

นายจำเริญ โพธิยอด รองปลัดกระทรวงการเงิน รักษาราชการแทน อธิบดีกรมธนารักษ์ เผยออกมาว่า ได้สั่งให้ที่ทำการธนารักษาพื้นที่รีบตรวจสอบพื้นที่ในจังหวัดที่ได้รับผลพวงจากน้ำท่วม โดยยิ่งไปกว่านั้นกรุ๊ปพลเมืองผู้เช่าที่ราชพัสดุภัณฑ์ เพื่อจะได้ให้การช่วยเหลือแล้วก็ทุเลาความลำบากเป็นการด่วน ในพื้นฐานได้กำหนดมาตรการให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลผู้เช่าที่ราชพัสดุภัณฑ์และก็ได้รับผลพวงจากภัยน้ำหลากคราวนี้ เป็น

1. กรณีผู้เช่าที่ดินราชพัสดุเพื่อพักอาศัย ถ้าเกิดเสียหายนิดหน่อยให้เว้นเสียแต่ค่าใช้จ่ายสำหรับเช่า ตรงเวลา 1 ปี, เสียหายอีกทั้งข้างหลัง ให้ละเว้นค่าใช้จ่ายสำหรับเช่า ตรงเวลา 2 ปี โดยความย่ำแย่อีกทั้งข้างหลัง พิเคราะห์จากภาวะตึกที่อยู่ที่อาศัยที่ไม่สามารถที่จะเข้าอยู่ได้อย่างสิ้นเชิง เหตุเพราะตัวบ้านได้รับความย่ำแย่ หรือส่วนประกอบของบ้านเสียหายจนถึงไม่สามารถที่จะเข้าพักอาศัยได้ (ไม่รวมทั้งในกรณีที่อุทกภัยทั้งยังข้างหลัง แต่ว่าสามารถเข้าพักอาศัยคราวหลังน้ำลดได้)

2. กรณีผู้เช่าที่ดินราชพัสดุเพื่อประกอบกิจการเกษตร แม้พืชหรือผลิตผลได้รับความเสื่อมโทรมจากเหตุน้ำท่วม ให้ละเว้นการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการเช่าตรงเวลา 1 ปี โดยสามารถขอข้อมูลการยืนยันความทรุดโทรมจากส่วนราชการที่เกี่ยวพัน ดังเช่นว่า ที่ทำการเกษตรจังหวัด ที่ทำการประมงจังหวัด ฯลฯ

3. กรณีผู้เช่าตึกราชพัสดุ รวมทั้งผู้เช่าที่ดินเพื่อผลดีอันอื่น ให้นอกจากการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการเช่าตามเรื่องจริง ว่าไม่อาจจะดำเนินกิจการตามเป้าหมายในที่เช่าได้ โดยให้นอกจากการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายสำหรับเช่าเป็นทุกเดือนเศษของเดือนให้นับยอดเยี่ยมเดือน

ค่าเงินบาท เปิดตลาดเช้าวันนี้กลับมาอ่อนค่าอีกที ตามค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอีกที ภายหลังจากข้าราชการเฟดมีความคิดเห็นว่ายังเดินหน้าขึ้นดอก

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ที่ระดับ 37.40 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 37.36 บาทต่อดอลลาร์ มองดูกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 37.25-37.55 บาท/ดอลลาร์ แนวโน้มค่าเงินบาท นักลงทุนคอยข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐอเมริกา บางทีอาจบีบคั้นบรรยากาศการลงทุนในทรัพย์สินเสี่ยง ซึ่งบางทีอาจยังคงหนุนมอบเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นบีบคั้นให้ เงินบาทในวันนี้มีลัษณะทิศทางอ่อนค่าลง แนวต่อต้านสำคัญของเงินบาทจะอยู่ในโซน 37.60-37.80 บาทต่อดอลลาร์ ระหว่างที่ แนวรับ อยู่ที่ ระดับ 37.10-37.20 บาทต่อดอลลาร์ นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวางแผนกลยุทธ์ตลาดเงินตราตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS แบงค์กรุงไทย บอกว่านักลงทุนกลับมากลุ้มใจแนวโน้มการรีบขึ้นดอกของเฟดอีกรอบและก็ลดการครอบครองทรัพย์สินเสี่ยงลง บีบคั้นให้ดรรชนี S&P500 ของสหรัฐอเมริกา ปรับนิสัยน้อยลง -1.02% ภายหลังบรรดาข้าราชการเฟดต่างย้ำเหตุจำเป็นสำหรับการรีบขึ้นดอกเพื่อคุมปัญหาเงินเฟ้อ

นอกนั้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันก็ยังคงเกื้อหนุนการรีบขึ้นดอก เช่น ยอดผู้ขอรับผลประโยชน์การตกงานทีแรก (Initial Jobless Claims) ที่ระดับ 219,000 ราย นำมาซึ่งการทำให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐอเมริกา ปรับพฤติกรรมสูงมากขึ้นสม่ำเสมอใกล้ระดับ 3.80% อีกที ทำให้นักลงทุนเทขายทรัพย์สินเสี่ยงออกมา เงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าขึ้นตลอดเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดรรชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ปรับนิสัยขึ้นราว 0.9% สู่ระดับ 112.2 จุด นักลงทุนยังคงถือเงินดอลลาร์ เพื่อลดการเสี่ยง วันนี้ ตลาดรอคอยข้อมูลสำคัญของตลาดแรงงานสหรัฐอเมริกา โดยตลาดประเมินว่า ยอดการว่าจ้างนอกภาคทำการเกษตร (Nonfarm Payrolls) กันยายน บางทีอาจสูงยิ่งกว่า 2.6 แสนราย ทำให้อัตราการไม่มีงานทำจะอยู่ที่ระดับ 3.7% ส่วนการเจริญเติบโตของรายได้ (Average Hourly Earnings) บางทีอาจสูงราว 5.1% สะท้อนภาพตลาดแรงงานที่ยังคงเข้มแข็ง ถ้าจำนวนออกมาดี จะช่วยหนุนให้เฟดเดินหน้ารีบขึ้นดอกอีกขั้นต่ำ 1.25% ในปีนี้ตามแผนการที่ตั้งไว้ เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

Level Infinite ประกาศเปิดตัวเกมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่แนว RPG ในชื่อเกมว่า Re:Zero Infinity สำหรับ iOS แล้วก็ Android ในวันที่ 13 เดือนตุลาคม 2022 นี้

ยิ่งกว่านั้นเกมยังได้มีการปลดปล่อยเพลงสำหรับผู้แสดง Ram แล้วก็ Rem จากซีรีส์ที่ร้องโดยนักพากษ์มีชื่อเสียงอย่าง Rie Murakawa แล้วก็ Inori Minase ภายหลังเพลงนักแสดงของ Emilia ที่ปลดปล่อยออกมาเมื่อไม่กี่วันก่อน แล้วสำหรับผู้เล่นที่ทำงานสมัครสมาชิกล่วงหน้าไว้ก็จะได้รับโบนัสพิเศษจำนวนมากพร้อมด้วยอาวุธ 4 ระดับให้ผู้เล่นเปิดฟรีอีกด้วย

Re:Zero Infinity เป็นเกมที่ปรับปรุงต่อยอดมาจากซีรี่ส์มีชื่อเสียงซึ่งเป็นที่นิยมอย่างยิ่ง เกมดังที่กล่าวมาแล้วจะเล่าราวของซีรีส์เรื่องฉบับเริ่มแรกมาถึงสามส่วนของเรื่องราวทั้งผอง ผู้เล่นจะได้ตรวจพื้นที่ต่างๆจำนวนมากในซีรีส์นี้แล้วก็โลเคชั่นใหม่ๆในระหว่างที่กาชาใช้คาแรคเตอร์ต่างๆจากเรื่อง เกมดังที่กล่าวมาข้างต้นมีนักบรรยายเสียงที่กลับมา ดังเช่น Kobayashi Yuusuke, Takahashi Rie, Minase Inori, Murakawa Rie, Uchiyama Yumi และก็อีกเยอะแยะที่กลับมาสวมบทเป็นตัวละครจากเรื่อง Re:Zero

เทคโนโลยีและก็วิจารณญาณประสานพลังสร้างความปลอดภัยให้โลกดิจิทัล

การเป็นแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วยความสร้างสรรค์ของชุมชนที่นานาประการของ TikTok นั้น นอกเหนือจากการขมักเขม้นสนับสนุนสิ่งแวดล้อมที่อำนวยให้ผู้คนสามารถประดิษฐ์ ศึกษาค้นพบชุมชน แล้วก็ครึกครื้นไปกับรายละเอียดต่างๆแล้ว การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมของแพลตฟอร์มให้ไม่มีอันตรายเป็นส่วนที่ TikTok ให้ความใส่ใจเป็นอย่างมาก

โดยนอกเหนือจากการอัพเดทหลักเกณฑ์สำหรับชุมชนอย่างสม่ำเสมอแล้ว ยังมีการจัดการกับรายละเอียดและก็บัญชีที่ฝ่าฝืนหลักเกณฑ์สำหรับชุมชนหรือกฎเกณฑ์สำหรับเพื่อการให้บริการอย่างเข้มงวด พร้อมเผยแพร่ข้อมูลผ่าน รายงานการบังคับใช้หลักเกณฑ์สำหรับชุมชน ที่มีเนื้อหาเชิงลึกเกี่ยวกับปริมาณรวมทั้งรูปแบบของรายละเอียดที่มีการฝ่าฝืนหลักเกณฑ์สำหรับชุมชน แล้วก็บัญชีใช้งานที่ถูกลบออกจากแพลตฟอร์ม โดยเผยแพร่ในทุกไตรมาส เพื่อยกฐานะโลกดิจิทัลที่เป็นมิตรแล้วก็ไม่เป็นอันตรายให้แก่ผู้ใช้ทั้งโลก

TikTok ประสมประสานระหว่างเทคโนโลยีและก็คณะทำงานที่มีบทบาทควบคุมดูแลด้านความปลอดภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทำให้การบังคับใช้หลักเกณฑ์สำหรับชุมชนมีคุณภาพสูงสุด โดยได้ลงทุนกับระบบแมชชีนเลิร์นนิง เพื่อใช้ประโยชน์สำหรับการต่อกรกับข้อมูลบกพร่องที่มีอันตราย ขยายสมรรถภาพสำหรับการทำอีกครั้งอย่างเร็วในระบบ ปรับปรุงความรู้ความเข้าใจสำหรับในการตรวจหาเสียงแล้วก็ภาพที่นำไปสู่การเข้าใจผิด โดยในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ TikTok มีการนำวิดีโอออกในเชิงรุก มากขึ้นเป็น 89.1% จาก 83.6% ในไตรมาสที่ 1 การลบวิดีโอที่ยังไม่มีการเปิดดูมากขึ้นเป็น 74.7% จาก 60.8% ในไตรมาสที่ 1 และก็การลบวิดีโอออกข้างใน 1 วันมากขึ้นจาก 71.9% เป็น 83.9% ยิ่งไปกว่านี้ จำนวนประชาสัมพันธ์ทั้งหมดทั้งปวงที่นำออกเพราะเหตุว่าฝ่าฝืนแนวทางและก็หลักเกณฑ์การโฆษณาลดน้อยลงอย่างมีความนัยยะสำคัญ ส่วนหนึ่งส่วนใดมีสาเหตุมาจากความบากบั่นสำหรับเพื่อการสร้างเสริมแผนการการตรวจจับแล้วก็การบังคับใช้ระดับบัญชี ซึ่งช่วยทำให้ปรับปรุงอีวัวสิสเต็มส์ของโปรโมทและก็สร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นสำหรับทั้งยังผู้ใช้รวมทั้งผู้ลงประชาสัมพันธ์บน TikTok

ความน่าดึงดูดใจจากรายงานการบังคับใช้หลักเกณฑ์สำหรับชุมชน ไตรมาส 2/2565

ไฮไลท์จากข้อมูลเชิงลึกรายไตรมาสจากรายงานการบังคับใช้หลักเกณฑ์สำหรับชุมชนประจำไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เผยถึงปริมาณและก็รูปแบบของรายละเอียดและก็บัญชีใช้งานที่ถูกลบออกจาก TikTok ได้อย่างน่าดึงดูด ดังต่อไปนี้

มีการลบวิดีโอที่เจอการฝ่าฝืนมากยิ่งกว่า 113.8 ล้านวิดีโอ ในตอนไตรมาสที่ 2 ของปี คิดเป็น 1% ของวิดีโอทั้งหมดที่มีการอัปโหลดไปยัง TikTok มากขึ้นจากไตรมาสแรกซึ่งมีปริมาณ 102.3 ล้านวิดีโอ

ในปริมาณนั้น เป็นการนำวิดีโอออกในเชิงรุก 89.1% (ถูกลบออกก่อนมีการรายงาน) 74.7% เป็นการลบวิดีโอที่ยังไม่มีการเปิดดู และก็อีก 83.9% ถูกลบด้านใน 1 วันภายหลังจากการโพสต์
จำนวนวิดีโอที่ถูกลบ มาจากการฝ่าฝืนแนวทางด้านความปลอดภัยของเยาวชน (Minor safety) จำนวนมากที่สุดคิดเป็น 43.7% รองลงมาเป็น กิจกรรมไม่ถูกกฎหมายและก็ผลิตภัณฑ์ควบคุม 21.2% การเปลื้องผ้าและก็ความประพฤติปฏิบัติทางเพศ 10.7% เป็นลำดับ ใน 1 วิดีโอ อาจมีการฝ่าฝืนแผนการในหลายข้อ ซึ่งแต่ละการฝ่าฝืนต่างส่งผลต่อการดำเนินงานทั้งหมดทั้งปวง
ประเทศสหรัฐอเมริการั้งชั้น 1 ของโลกที่มีการนำออกวิดีโอเยอะที่สุด ปริมาณ 17.9 ล้านวิดีโอ โดยไทยเป็นชั้นที่ 14 ของโลก แล้วก็ชั้น 4 ในภูมิภาค รองจากประเทศฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย รวมทั้งเวียดนาม เป็นลำดับ
สำหรับเมืองไทย มีวิดีโอที่ทั้งสิ้นถูกลบทั้งหมดทั้งปวง 2,150,697 วิดีโอ จากปริมาณนี้ 98.0% ถูกลบก่อนมีการรายงาน 94.3% ถูกลบด้านใน 1 วันภายหลังจากการโพสต์ รวมทั้งมีการลบก่อนมีผู้เปิดเข้าชม 91.1%
นอกเหนือจากการลบบัญชีที่ฝ่าฝืนหลักเกณฑ์สำหรับชุมชนแล้ว TikTok ยังลบบัญชีที่ไตร่ตรองแล้วว่าเป็นสแปม พร้อมด้วยวิดีโอสแปมที่โพสต์โดยบัญชีพวกนั้น โดยใช้มาตรการเชิงรุกเพื่อเป็นการป้องกันและยังเป็นการไม่ให้บัญชีสแปมถูกทำขึ้นด้วยแนวทางอัตโนมัติ ซึ่งในไตรมาสนี้มีการลบบัญชี (Accounts Removed) ทั้งปวง 59.4 ล้านบัญชี โดยในปริมาณนั้น เป็นบัญชีเลียนแบบ (Fake account) ที่ถูกลบออก 33.6 ล้านบัญชี มากขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้านี้
TikTok ยังปฏิบัติการเพื่อลบแล้วก็คุ้มครองปกป้องการ Likes, Followers รวมทั้งการขอติดตามที่เกิดขึ้นมาจากกลไกอัตโนมัติหรือกลไกที่ผิดจำต้อง โดยมีการลบผู้ติดตามเลียนแบบออกมากกว่า 1.4 พันล้านบัญชี รวมทั้งปกป้องการเช็ดกจิตใจแบบปลอม (fake likes prevented) มากยิ่งกว่า 14.6 พันล้านครั้ง
เนื่องด้วยมีการเปลี่ยนวิถีทางสำหรับในการบังคับใช้การฝ่าฝืนหลักเกณฑ์การโฆษณาแล้วก็การเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจสำหรับการบังคับใช้ระดับบัญชีโปรโมทเยอะขึ้น การลบโปรโมทในตอนครึ่งแรกของปี 2022 ก็เลยมากขึ้นจากปีที่ล่วงเลยไป โดยในไตรมาสแรก ผลงานโปรโมทถูกลบ 5.4 ล้านครั้ง รวมทั้งน้อยลงเหลือ 5.1 ล้านครั้งในไตรมาสนี้ ยิ่งไปกว่านี้ยังทำงานในระดับบัญชีผู้ลงโปรโมทหรือกรุ๊ปโปรโมททั้งหมดทั้งปวง 8.7 ล้านครั้ง ในไตรมาสแรก แล้วก็น้อยลงเหลือ 4.2 ล้านครั้ง ในไตรมาสนี้ (สถิติจากทั่วทั้งโลก)
TikTok ยังคงเดินหน้าสร้างชุมชนสุดยอดที่เต็มไปด้วยความสนุก ประดิษฐ์ แล้วก็เป็นมิตรกับทุกคน โดยตั้งใจที่จะรักษาสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ ผ่านหลักเกณฑ์สำหรับชุมชนที่เป็นบรรทัดฐานเดียวกันทั้งโลก โดยสามารถสำรวจเนื้อหาเกี่ยวกับความปลอดภัยเหมาะ ความปลอดภัย | ศูนย์ช่วยเหลือของ TikTok

สร้างความฮือฮาให้กับโลกโซเชียลฯ ได้ตลอด…ตลอด

สำหรับนักแสดงซุปตาร์ กระต่าย พรรณนิภา ผู้ครอบครองเพลงได้รับความนิยม สายตาชอนแลน, อุปนิสัยใหม่, อิหล่วง, หัวใจหนูว่าง อื่นๆอีกมากมาย

เมื่อปัจจุบันเจ้าตัวได้ยืนขึ้นมาเปิดโหมดแซ่บโกยยอดไลก์ผ่านอินสตาเอ็งรม @kratai_phannipha ด้วยลีลาท่าทางการโพสท่าถ่ายภาพ ที่ถึงจะเป็นเพียงแต่การนั่งงามๆชิลๆขอบหน้าต่าง

ถ้าว่าด้วยดีไซน์ของเสื้อท่อนบนที่เปิดเผยให้มองเห็นผิวพรรณขาวอมชมพูเชิญชวนให้จุดโฟกัสไม่ถูกจุด บวกกับแคปชั่นจั๊กจี้หัวใจสไตล์ กระต่าย พรรณนิภา อย่าง “ข้าวที่คุณรับประทาน มันจะอร่อยเท่าพวกเราหรอ555″ ด้วยแล้ว ก็ยิ่งส่งให้ให้ลุคนี้ของเจ้าตัวมองน่าหลงใหลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆกว่าเดิมหลายเท่าตัวอย่างยิ่งจริงๆ

ช่วงเวลาที่ในช่องคอมเมนต์ก็มีคนรักๆเข้ามาสาดใจความส่งถึงนักแสดงคนโปรดกันอย่างรื่นเริง เช่น ทีเด็ด, งามสวยแล้วก็เย้ายวนมากมายๆ, งามมากมายแรง, งื้ออออ, ป้าดพุสาวเป็นมาสวยแท่น้อ และก็อีกเพียบเลย

เพราะเหตุใดการทานก่อนรวมทั้งข้างหลังบริหารร่างกายก็เลยสำคัญ ?

ผู้คนจำนวนมากคิดว่าถ้าเกิดพวกเรามิได้ขยับร่างกายก็จัดว่ามิได้ใช้พลังงาน แม้กระนั้นเรื่องจริงแล้วแค่เพียงพวกเรามีชีวิตอยู่ ร่างกายก็ต้องใช้พลังงานเหมือนกัน เรียกว่า BMR (Basal Metabolic Rate) หรืออัตราการเผาที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน เมื่อขยับเขยื้อนร่างกาย ร่างกายก็อยากพลังงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังการบริหารร่างกายไม่เพียงแค่ขยับเขยื้อนร่างกายเพียงแค่นั้น แต่ว่ายังจะต้องใช้ความคิดไปพร้อมเพียงกัน พลังงานก็เลยสำคัญมากกว่าที่พวกเราคิด

เมื่อร่างกายเริ่มขยับเขยื้อนมากมายๆกระทั่งแหล่งพลังงานหมด มันจะสลายโปรตีนแล้วก็ใช้เป็นพลังงานแทน ในขั้นแรกโปรตีนต้องต่อการเสริมสร้างร่างกาย เมื่อถูกประยุกต์ใช้เป็นพลังงานก็เลยมีผลกระทบต่อร่างกาย ดังเช่นว่า มวลกล้ามต่ำลง สมาธิแล้วก็การตัดสินใจด้อยลง และก็ข้างหลังบริหารร่างกาย เซลล์กล้ามที่ใช้จะถูกทำลาย ไม่มีพลังงานพอเพียงสำหรับร่างกายรวมทั้งสมอง ถ้าเกิดปล่อยทิ้งเอาไว้ จะกำเนิดลักษณะของการปวดปวดเมื่อยรวมทั้งกล้ามกระตุกได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น รู้สึกเหนื่อยเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน พวกเราก็เลยยังคงจะต้องเพิ่มพลังงานกลับเข้าร่างกาย

แล้วพวกเราจะเพิ่มเติมพลังงานได้จากไหน ? พลังงานที่หาได้ง่ายที่สุดก็คือของกินที่ทานในชีวิตประจำวัน คาร์โบไฮเดรตและก็ไขมันนับว่าเป็นแหล่งพลังงานหลัก โดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรตจะเก็บไว้ภายในร่างกายได้ในจำนวนน้อย ก็เลยจำต้องทานหลายครั้ง

ของกินที่ชี้แนะก่อนรวมทั้งข้างหลังบริหารร่างกาย

ของกินแล้วก็จำนวนที่เสนอแนะก่อนและก็ข้างหลังการบริหารร่างกายนาๆประการขึ้นกับกรรมวิธีบริหารร่างกาย แม้กระนั้นก็มีแนวความคิดรากฐานที่เช่นกันดังต่อไปนี้

ของกินก่อนที่จะมีการบริหารร่างกาย
เพื่อคุ้มครองปกป้องการขาดพลังงานแล้วก็การสลายโปรตีน ชี้แนะให้ทานคาร์โบไฮเดรตซึ่งสามารถกลายเป็นพลังงานได้ในเวลาไม่นาน รวมทั้งเพิ่มปริมาณน้ำเพื่อความชื้น อย่างแซนด์วิชหรือข้าวปั้นโอนิกิริ ก็มานะบดให้รอบคอบจะช่วยสำหรับการย่อยได้เร็ว ผลไม้ที่เสนอแนะ ดังเช่นว่า กล้วย ลูกแอปเปิ้ล ส้ม สามารถย่อยรวมทั้งดูดซับได้อย่างเร็ว แม้อยู่ในชั่วโมงเร่งด่วนก็ต้องเป็นอาหารหวานที่ทานได้โดยทันทีอย่างพวกติดอยู่สเทลล่าหรือวุ้นโยคัง

แบบอย่างของกินที่มีคาร์โบไฮเดรต : ข้าวขาว ขนมปัง เส้น แป้ง ผลไม้ อื่นๆอีกมากมาย

ของกินข้างหลังบริหารร่างกาย
เพื่อทดแทนการขาดพลังงานที่ทานเข้าไป คาร์โบไฮเดรตและก็ความชื้นก็ยังเป็นเรื่องจำเป็นภายหลังบริหารร่างกาย แม้กระนั้นที่เพิ่มมาเป็นโปรตีนซึ่งเป็นสารอาหารที่สำคัญ โปรตีนมีบทบาทช่วยปรับปรุงแก้ไขซ่อนแซมเซลล์กล้ามที่ถูกทำลายจากการบริหารร่างกายและก็ช่วยเพิ่มมวลกล้าม ด้วยเหตุผลดังกล่าวอย่าลืมทานโปรตีนให้พอดีข้างหลังบริหารร่างกาย และก็จะดีเลิศขึ้นไปอีกถ้าเสริมด้วยวิตามินและก็แร่ต่างๆเพื่อช่วยสำหรับการย่อยของกินรวมทั้งการดูดซึมคาร์โบไฮเดรตกับโปรตีน

แบบอย่างของกินที่มีโปรตีน : เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ เต้าหู้ นัตโตะ นมถั่วเหลือง สินค้าจากนม (นม โยเกิร์ต อื่นๆอีกมากมาย) ชิกุวะ ชีส สลัดไก่ อื่นๆอีกมากมาย

สิ่งจำเป็นของของกินก่อนแล้วก็ข้างหลังบริหารร่างกายเพื่อได้ประสิทธิภาพที่ดีเพิ่มขึ้น!

เว้นเสียแต่เรื่องชนิดของกินแล้ว ยังมีจุดที่ควรจะให้ความเอาใจใส่เพื่อการออกกำลังการได้ประสิทธิภาพที่ดีรวมทั้งมีคุณภาพกเยอะที่สุด!

ทานให้ถูกเวลา
ธรรมดาของกินจะใช้เวลาย่อยของกินโดยประมาณ 3 ชั่วโมง ด้วยเหตุผลดังกล่าวจำเป็นจะต้องกินอาหารให้เป็นระเบียบอย่างต่ำ 2 ชั่วโมงก่อนบริหารร่างกาย ตามที่กล่าวไว้ข้างต้นเป็นอย่าทำให้ท้องว่าง แต่ว่าก็อย่าทานจนกระทั่งอิ่มเกินเนื่องจากจะมีผลให้ร่างกายรวมทั้งอวัยวะภายในแบกรับภาระหนัก ถ้าเป็นของเบาๆอย่างกล้วยหรือของหวานค้างสเทลล่าก็สามารถทานด้านใน 1 ชั่วโมงถึง 30 นาทีก่อนการเริ่มบริหารร่างกายได้ ข้างหลังบริหารร่างกายเสนอแนะให้ทานของกินด้านใน 1 ชั่วโมง โดยเฉพาะด้านใน 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงข้างหลังบริหารร่างกาย ร่างกายจะมีอัตราการดูดซึมสารอาหารสูงมากขึ้น พลังงานฟื้นเร็ว รวมทั้งคุณภาพสำหรับการซ่อมบำรุงเซลล์กล้ามก็ดีแล้วกว่าเดิมอีกด้วย

ปรับจำนวนตามช่วงเวลา
นอกเหนือจากการทานให้ถูกเวลาแล้ว การทานตามช่วงเวลาที่บริหารร่างกายก็จะสามารถช่วยให้การบริหารร่างกายมีคุณภาพด้วย แม้บริหารร่างกายสม่ำเสมอนานเกิน 1 ชั่วโมงชี้แนะให้ทานคาร์โบไฮเดรตเพิ่มนิดหน่อยก่อนที่จะมีการออกกำลังกาย หรือเพิ่มเติมคาร์โบไฮเดรดเบาๆระหว่างบริหารร่างกายเพื่อคุ้มครองป้องกันการหมดพลังงาน ตัวอย่างเช่นเครื่องดื่มที่ดื่มง่ายหรือแบบเยลลี่

การกินอาหารก่อนแล้วก็ข้างหลังบริหารร่างกายสำคัญมากกว่าที่พวกเราคิด เมื่อพวกเราทราบดีว่าควรจะทานอะไร ตอนไหน ยังไง ก็จะมีประโยชน์ต่อการบริหารร่างกาย ทำให้มีคุณภาพดีเยี่ยมขึ้นได้แน่ๆ